
Home » เลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิว
รอยสิวเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญหลังจากการเป็นสิว ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็น รอยแดง หรือจุดด่างดำที่ทิ้งไว้หลังการหายของสิว แต่ปัจจุบันการรักษาด้วย เลเซอร์รอยสิว เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนรอยสิวและฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาสวยงามเนียนใสได้อีกครั้ง เลเซอร์รอยสิวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น ลดรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอโดยไม่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว จากการรักษาด้วยเลเซอร์ทำให้คุณกลับมามีผิวที่ดูดีและมั่นใจได้อีกครั้ง วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์.
เลเซอร์สิว
- เลเซอร์ Fractional CO2 (ฟรัคชั่นแนล CO2): ช่วยในการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ลดรอยแผลเป็นจากสิว และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว
- เลเซอร์ Picosecond (พิโคเซคคอนด์): ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำจากสิวได้ดี โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
- เลเซอร์ YAG (Q-Switched Nd:YAG): ใช้สำหรับการรักษารอยดำจากสิวโดยตรง ช่วยลดการสร้างเม็ดสีที่เกาะตัวอยู่ในผิวหนัง
การทำเลเซอร์ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของคุณ โดยผลลัพธ์จากการทำเลเซอร์จะช่วยให้รอยสิวจางลงและทำให้ผิวดูเนียนขึ้น

เลเซอร์รอยสิว เหมาะกับใคร
การทำเลเซอร์รอยสิวเหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็นจากสิว เช่น รอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างดำที่เกิดจากการเป็นสิว และต้องการปรับปรุงสภาพผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่:
- มีรอยแผลเป็นจากสิว: เลเซอร์ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวได้ดี เช่น รอยสิวที่ยุบลงแล้วแต่ยังคงทิ้งรอยแดงหรือรอยดำ
- มีรอยสิวที่ไม่หายเอง: ถ้ารอยสิวยังไม่หายไปหลังจากสิวหายแล้วหรือมีการเปลี่ยนแปลงในสีผิวที่ยังไม่สมูธ
- มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน: เลเซอร์สามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ: เลเซอร์ช่วยปรับสภาพสีผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น ลดความหมองคล้ำจากรอยสิว
- ไม่ต้องการพักฟื้นนาน: เลเซอร์บางประเภทใช้เวลาฟื้นตัวไม่นาน ทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด
อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ.

เลเซอร์รอยสิวที่ได้รับความนิยม มีอะไรบ้าง
การทำเลเซอร์เพื่อรักษารอยสิวมีหลายประเภทที่ได้รับความนิยม โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและประเภทของรอยสิวที่ต้องการรักษา ดังนี้:
-
เลเซอร์ Fractional CO2 (ฟรัคชั่นแนล CO2)
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยแผลเป็นจากสิวที่ลึกหรือมีรอยหลุม
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน
- ช่วยลดรอยสิวทั้งที่เป็นรอยแดงและรอยดำได้ดี
- ต้องใช้เวลาฟื้นตัวหลังการรักษา
-
เลเซอร์ Picosecond (พิโคเซคคอนด์)
- เหมาะสำหรับรอยสิวที่เป็นรอยดำหรือจุดด่างดำ
- ใช้คลื่นพลังงานที่มีความเร็วสูง ทำให้สามารถทำลายเม็ดสีในผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง และไม่ต้องการเวลาฟื้นตัวมาก
-
เลเซอร์ Q-Switched Nd:YAG (ควาย-สวิตช์ นีดี: ยาก)
- เลเซอร์ชนิดนี้ใช้สำหรับลดรอยสิวที่เป็นรอยดำหรือจุดด่างดำ
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยการกระตุ้นการสลายเม็ดสีในผิว
- มักไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและมีเวลาฟื้นตัวน้อย
-
เลเซอร์ Er:YAG (อีอาร์: ยาก)
- ใช้สำหรับการรักษารอยสิวที่เป็นแผลเป็นระดับตื้นหรือมีผิวที่ไม่เรียบ
- ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนและลดรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีการฟื้นตัวที่รวดเร็วและไม่ทำให้ผิวระคายเคืองมาก
การเลือกประเภทเลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.
Q&A เลเซอร์รอยสิว
Q : เลเซอร์รักษารอยสิวทำงานอย่างไร?
A : เลเซอร์รักษารอยสิวทำงานโดยการใช้พลังงานแสงที่ส่งผ่านผิวหนังเพื่อกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิว เช่น การสร้างคอลลาเจนใหม่และการทำลายเม็ดสีที่ทำให้เกิดรอยดำหรือจุดด่างดำ
Q : เลเซอร์รักษารอยสิวเจ็บหรือไม่?
A : การทำเลเซอร์อาจรู้สึกไม่สบายตัวหรือมีความรู้สึกเหมือนกับการถูกดีดเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์และความไวของผิวหนัง โดยบางกรณีแพทย์อาจใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อบรรเทาความรู้สึกไม่สบาย
Q : หลังทำเลเซอร์ต้องดูแลผิวอย่างไร?
A : หลังการทำเลเซอร์ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเพื่อปกป้องผิวจากการเกิดจุดด่างดำซ้ำ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวแรงๆ และรักษาความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ
สรุป เลเซอร์รอยสิว
การทำเลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการลดรอยแผลเป็นจากสิว เช่น รอยแดง รอยดำ หรือรอยหลุม โดยการใช้พลังงานแสงที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวและลดการสะสมของเม็ดสีในผิว เลเซอร์ที่ใช้ในการรักษารอยสิวมีหลายประเภท เช่น Fractional CO2, Picosecond, และ Q-Switched Nd:YAG ซึ่งแต่ละประเภทจะเหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น รอยหลุม รอยดำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
การทำเลเซอร์รอยสิวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และลดการเกิดจุดด่างดำจากสิว การรักษาอาจต้องทำหลายครั้งขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยสิวและสภาพผิว โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการรักษา และควรดูแลผิวหลังการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.

เลเซอร์ลดรอยสิว เทคโนโลยีความงามที่ออกแบบมาเพื่อลดรอยดำ รอยแดง เลเซอร์ลดรอยสิว และหลุมสิวให้จางลงอย่างรวดเร็ว เหมาะกับคนที่ต่อสู้กับปัญหารอยสิวมานานแต่ยังไม่เห็นผลจากครีมหรือเซรั่มทั่วไป วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ได้อัปเกรดเครื่องเลเซอร์รุ่นล่าสุดอย่าง Picosecond Laser และ Fractional Laser ที่ให้พลังงานสั้นและเจาะจงเฉพาะเม็ดสีเมลานินและคอลลาเจนชั้นหนังแท้ ผลลัพธ์คือผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ในเวลาเพียง 30 นาทีต่อครั้ง เมื่อทำครบคอร์สเพียง 3–5

เลเซอร์รักษาฝ้ากระจุดด่างดำ บุรีรัมย์
เลเซอร์รักษาฝ้ากระจุดด่างดำ เลเซอร์รักษาฝ้ากระจุดด่างดำ กลายเป็นทางเลือกแรก ๆ ของคนที่ต้องต่อสู้กับฝ้า กระ และรอยดำดื้อยา มานานหลายปี เพราะเทคโนโลยีเลเซอร์สามารถพุ่งเป้าทำลายเม็ดสีเมลานินได้แม่นยำกว่าครีมทาผิวหรือกรดผลไม้ทั่วไป วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ยกระดับการดูแลผิวด้วยเครื่อง Picosecond Laser และ Q-Switched ND:YAG รุ่นใหม่ ที่ปล่อยพลังงานเป็นช่วงเวลาสั้นมาก ทำให้เม็ดสีแตกละเอียดโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง ช่วยลดฝ้า กระ

เลเซอร์หน้าใส หากคุณอยากมีผิวหน้าที่ดูไบร์ท เรียบเนียน และสม่ำเสมอโดยไม่ต้องใช้ครีมบำรุงนานนับเดือน เลเซอร์หน้าใส คืออีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมที่ตอบโจทย์ที่สุดในยุคนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ได้พัฒนาโปรโตคอลเฉพาะที่ช่วยให้พลังงานเลเซอร์ซึมลึก พุ่งเป้าลดเม็ดสีเมลานิน พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ภายในเวลาเพียง 30 นาทีคุณจะสัมผัสได้ถึงความใสและความเนียนที่เห็นความต่างตั้งแต่ครั้งแรก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเทคโนโลยี วิธีทำ ผลลัพธ์ การดูแลหลังทำ ตลอดจนคำถามที่พบบ่อย เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด เลเซอร์หน้าใสคืออะไร และทำงานกับผิวอย่างไร