Uncategorized

เลเซอร์ผิวแพ้ง่าย

เลเซอร์ผิวแพ้ง่าย

เลเซอร์ผิวแพ้ง่าย

เลเซอร์ผิวแพ้ง่าย

การทำเลเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่ายต้องการการดูแลและการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงจากการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หากผิวของคุณมีอาการแพ้ง่ายหรือไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น แดด หรือสารเคมี คุณควรเลือกเลเซอร์ที่มีการปรับพลังงานต่ำและใช้เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อการบำบัดที่อ่อนโยน เช่น เลเซอร์ที่ใช้เพื่อรักษารอยแดงจากสิว หรือเลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดอาการอักเสบได้

ก่อนที่จะทำการรักษาด้วยเลเซอร์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เพื่อทำการประเมินสภาพผิวและเลือกประเภทของเลเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ ได้ที่วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ และ สุรินทร์

เลเซอร์กระชับรูขุมขน

เลเซอร์กระชับรูขุมขน

การทำเลเซอร์กระชับรูขุมขนเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการดูแลผิว เพราะการมีรูขุมขนกว้างสามารถทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและไม่กระชับ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น การสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิว หรือผิวที่ดูหยาบกร้าน การทำเลเซอร์กระชับรูขุมขนจึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และปรับสภาพผิวให้ดีขึ้นได้

การทำเลเซอร์กระชับรูขุมขนจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการทำให้ผิวเต่งตึงและกระชับ เมื่อคอลลาเจนเพิ่มขึ้นในผิว จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและรูขุมขนดูเล็กลง นอกจากนี้ เลเซอร์บางประเภทยังสามารถช่วยลดความมันส่วนเกินในผิวซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดรูขุมขนกว้างได้ด้วย

ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการกระชับรูขุมขน เช่น Fractional CO2 Laser หรือ Microneedling with Radiofrequency เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะสามารถลงลึกไปยังชั้นผิวได้โดยไม่ทำให้ผิวได้รับความเสียหายมาก ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้นด้วย วิธีเหล่านี้จะทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นและผิวดูเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ทำเลเซอร์สิวเจ็บไหม

ทำเลเซอร์สิวเจ็บไหม

การทำเลเซอร์สิวมักจะไม่เจ็บมากนัก แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ โดยทั่วไปแล้ว คนที่ทำเลเซอร์สิวมักจะรู้สึกถึงความร้อนหรือการสัมผัสที่ผิวระหว่างการทำ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย หรือมีอาการแสบเล็กน้อยในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณที่มีสิวอักเสบหรือตุ่มหนอง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้นเล็กน้อย

สำหรับเลเซอร์ที่ใช้รักษาสิว เช่น Fractional CO2 Laser หรือ PicoLaser ซึ่งเป็นที่นิยมในการรักษาสิวและรอยแผลจากสิว มักจะมีการใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บ เช่น การใช้ระบบเย็นในการบรรเทาความร้อนจากเลเซอร์ หรือการใช้เจลเย็นเพื่อให้ความรู้สึกสบายขึ้น

ในบางกรณี อาจมีการทายาชาก่อนการทำเลเซอร์เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดในระหว่างการรักษา ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกสบายขึ้นและไม่รู้สึกเจ็บมากจนเกินไป โดยทั่วไปแล้วหลังจากการทำเลเซอร์สิว อาจมีอาการแดงหรือบวมที่บริเวณที่ได้รับการรักษา แต่จะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งวัน

สรุปได้ว่า การทำเลเซอร์สิวส่วนใหญ่จะไม่เจ็บมาก และถ้ามีความรู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บเล็กน้อยก็สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้วิธีการช่วยเหลือต่าง ๆ และจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาสิวและรอยแผลจากสิว

เลเซอร์แก้หลุมสิวลึก

เลเซอร์รอยแผลเป็นสิว

การทำเลเซอร์เพื่อรักษารอยแผลเป็นจากสิวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวและลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิว โดยเฉพาะรอยสิวที่เป็นหลุม รอยแผลเป็นจากสิวแบบยุบหรือเป็นหลุมลึก การใช้เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวเพื่อทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและลดลักษณะของแผลเป็นได้

ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว

  1. Fractional CO2 Laser – เป็นหนึ่งในประเภทของเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากแผลเป็น โดยทำการใช้เลเซอร์ยิงผ่านผิวหนังไปในลักษณะของการทำลายเซลล์ผิวที่เสียหาย แล้วกระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งจะทำให้รอยแผลเป็นจากสิวดูจางลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  2. PicoLaser – อีกหนึ่งตัวเลือกที่นิยมใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว โดยเลเซอร์ประเภทนี้มีพลังงานสูงและสามารถทำลายจุดด่างดำหรือรอยแผลเป็นจากสิวได้ดี โดยไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรืออักเสบมากนัก การใช้ PicoLaser ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดความไม่เรียบเนียนของผิว
  3. Erbium YAG Laser – เลเซอร์ประเภทนี้เหมาะสำหรับการรักษารอยแผลเป็นที่ไม่ลึกมากและต้องการการฟื้นฟูผิวในระดับตื้น โดยจะช่วยลดรอยแดงหรือรอยดำจากสิวที่ยังคงอยู่ และทำให้ผิวดูเนียนขึ้น

Q&A เลเซอร์ผิวแพ้ง่าย

Q : การทำเลเซอร์รักษารอยแผลเป็นจากสิวเจ็บไหม?

A : ส่วนใหญ่การทำเลเซอร์รักษารอยแผลเป็นจากสิวมักจะไม่เจ็บมากนัก บางครั้งคุณอาจรู้สึกถึงความร้อนหรือการสัมผัสที่ผิว เช่น รู้สึกเหมือนมีเข็มเล็กๆ แต่มักไม่รุนแรงเกินไป หากคุณกังวลเรื่องความเจ็บปวด แพทย์อาจทายาชาก่อนการรักษาเพื่อช่วยลดความไม่สบายตัว

Q : ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

A : จำนวนครั้งที่ต้องทำขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยแผลเป็นจากสิว โดยทั่วไปแล้วอาจต้องทำประมาณ 3-5 ครั้ง โดยทำห่างกันประมาณ 3-4 สัปดาห์ แพทย์จะประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำตามความเหมาะสมของแต่ละคน

Q : เลเซอร์ประเภทไหนดีที่สุดในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว?

A : เลเซอร์ที่นิยมใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว ได้แก่ Fractional CO2 Laser, PicoLaser, และ Erbium YAG Laser ซึ่งแต่ละประเภทจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง และช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลง ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น แพทย์จะเลือกใช้เลเซอร์ที่เหมาะสมตามประเภทของรอยแผลและสภาพผิว

สรุป เลเซอร์ผิวแพ้ง่าย

การทำ เลเซอร์ สำหรับผิวแพ้ง่ายต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากผิวประเภทนี้มักจะไวต่อการระคายเคืองหรือการอักเสบจากการรักษาทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์ การเลือกใช้เลเซอร์ที่เหมาะสมและการปรับพลังงานให้ต่ำจะช่วยลดความเสี่ยงจากการทำร้ายผิว การเลือกเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยีเย็นหรือพลังงานต่ำ เช่น เลเซอร์เย็น (Cool Laser) หรือ Fractional CO2 Laser ที่ออกแบบมาเพื่อการบำบัดที่อ่อนโยน เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผิวแพ้ง่าย

ก่อนทำการรักษาควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกประเภทของเลเซอร์ที่เหมาะสม การดูแลผิวหลังการทำเลเซอร์ก็สำคัญมาก เช่น การใช้ครีมบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิวและการหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเพื่อป้องกันการเกิดการระคายเคืองหรือรอยด่างดำจากแสง UV

การทำเลเซอร์ผิวแพ้ง่ายเมื่อทำอย่างถูกวิธีและเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสมสามารถช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอยหรือรอยแผลเป็นจากสิว และทำให้ผิวกลับมาสุขภาพดีขึ้นได้

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

รักษาสิวด้วยเลเซอร์

รักษาสิวด้วยเลเซอร์

รักษาสิวด้วยเลเซอร์

รักษาสิวด้วยเลเซอร์

ยินดีต้อนรับสู่ประสบการณ์การรักษาสิวด้วยเลเซอร์ขั้นสูงที่จะช่วยคืนความมั่นใจให้กับผิวของคุณ! รักษาสิวด้วยเลเซอร์ ที่นี่เราใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ล่าสุดที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพเพื่อรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวหัวดำ หรือสิวผด ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาสิวของคุณโดยเฉพาะ พร้อมด้วยการดูแลหลังการรักษาเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน มาเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงกับเราและรู้สึกถึงความแตกต่างที่ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่รักษาที่ได้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์

เลเซอร์สิวอุดตัน

เลเซอร์สิวอุดตัน กี่วันหาย

การรักษาสิวอุดตันด้วยเลเซอร์มีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ สภาพผิวของผู้รับการรักษา และความรุนแรงของสิวอุดตัน โดยทั่วไป การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถช่วยลดอาการอักเสบและปรับปรุงสภาพผิวได้ในระยะเวลาสั้นๆ หลังการรักษา แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และอาจต้องมีการทำซ้ำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผู้รับการรักษาอาจเห็นการปรับปรุงในช่วงแรกหลังการรักษา แต่ผิวหนังจะต้องมีเวลาสำหรับการฟื้นตัวและการซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งอาจใช้เวลา 1-2 เดือน แพทย์จะให้คำแนะนำเฉพาะเจาะจงและคำแนะนำการดูแลหลังการรักษาเพื่อช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูและลดโอกาสในการเกิดสิวอุดตันใหม่

เลเซอร์สิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เลเซอร์สิว

การรักษาสิวด้วยเลเซอร์เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการลดการอักเสบและปรับปรุงสภาพผิวที่เกิดจากสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ นี่คือรายละเอียดของการรักษาสิวด้วยเลเซอร์

ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษาสิว

  • เลเซอร์ CO2 ใช้สำหรับการ peel ผิวชั้นนอก, ลดรอยแผลเป็นจากสิว และกระชับรูขุมขน.
  • เลเซอร์ Nd ช่วยลดการอักเสบและการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง, เหมาะสำหรับรักษาสิวที่เป็นการอักเสบ
  • เลเซอร์ไดโอด มีประสิทธิภาพในการลดเชื้อแบคทีเรีย P. acnes ที่เป็นสาเหตุหลักของสิว

วิธีการทำงาน

  • เลเซอร์ทำงานโดยการส่งแสงไปยังผิวหนังเพื่อลดการอักเสบ, ควบคุมการผลิตน้ำมัน, และทำลายแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายใต้ผิวหนัง, ซึ่งช่วยซ่อมแซมรอยแผลเป็นและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น.

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

  • การรักษาด้วยเลเซอร์อาจต้องใช้เวลาหลายครั้งต่อเนื่องกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลังการรักษาแต่ละครั้ง, ผิวอาจมีอาการแดงหรือบวมเล็กน้อยซึ่งจะค่อยๆ หายไปในไม่กี่วัน ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอาจเริ่มเห็นได้หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนการรักษา.

การดูแลหลังการรักษา

  • หลังการรักษาด้วยเลเซอร์, สำคัญมากที่จะต้องดูแลผิวอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ครีมกันแดด, การทาโลชั่นบำรุงผิวที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน, และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง.
  • การรักษาด้วยเลเซอร์สามารถเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการกับปัญหาสิว และช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดี แต่ควรได้รับคำแนะนำและการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
เลเซอร์สิวอุดตัน

เลเซอร์รักษาสิว

การรักษาสิวด้วยเลเซอร์เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการจัดการกับปัญหาสิวและรอยแผลเป็นจากสิว ด้วยการใช้พลังงานจากแสงเลเซอร์ที่ปรับแต่งได้เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวแต่ละประเภท นี่คือรายละเอียดของการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ที่ควรทราบ

  • ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้
    เลเซอร์ไดโอด (Diode Laser): ใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเพื่อเป้าหมายไปที่น้ำมันและแบคทีเรียในรูขุมขน ลดการอักเสบและควบคุมการผลิตน้ำมันบนผิว
  • เลเซอร์ Nd
     ให้พลังงานที่ลึกเข้าไปในผิวโดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก มักใช้สำหรับรักษาสิวอักเสบและลดรอยแดงหรือผิวที่มีสีไม่สม่ำเสมอ
  • เลเซอร์ CO2 แบบเศษละเอียด (Fractional CO2 Laser): ปรับปรุงผิวที่มีรอยแผลเป็นจากสิว โดยการสร้างพื้นที่เล็กๆ ของการบาดเจ็บที่ควบคุมได้ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
    ขั้นตอนการรักษา
    การรักษาด้วยเลเซอร์ส่วนใหญ่ต้องการหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยความถี่ของการรักษาอาจแตกต่างกันไปตามคำแนะนำของแพทย์
  • การเตรียมผิว ทำความสะอาดผิวและอาจมีการใช้ยาชาท้องถิ่นก่อนการรักษา.
    การรักษา ใช้เลเซอร์ประมวลผลบนพื้นที่ที่ต้องการ การรักษาอาจใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่นาทีถึงหลายสิบนาที ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่รักษา การดูแลหลังการรักษา อาจมีอาการบวมหรือแดงเล็กน้อย แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง ประโยชน์และความเสี่ยง ประโยชน์ ช่วยลดการอักเสบของสิว ควบคุมน้ำมันบนผิว ลดการเกิดสิวใหม่ และปรับปรุงรอยแผลเป็นจากสิว ความเสี่ยง อาการบวมและแดงหลังการรักษา ความเสี่ยงต่ำของการเกิดรอยไหม้หรือการเปลี่ยนแปลงสีผิว ควรรับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ การปรึกษากับแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้าน การดูแลผิวเป็นสิ่งสำคัญก่อนเริ่มการรักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นรายบุคคล.

Q&A รักษาสิวด้วยเลเซอร์

Q : การรักษาสิวด้วยเลเซอร์ทำงานอย่างไร?

A : เลเซอร์ใช้พลังงานแสงที่เฉพาะเจาะจงเพื่อเป้าหมายไปที่รูขุมขนและต่อมไขมัน ช่วยลดการอักเสบ, ควบคุมน้ำมัน, ทำลายแบคทีเรีย, และกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เพื่อปรับปรุงสภาพผิวและลดรอยแผลเป็นจากสิว

Q : การรักษาด้วยเลเซอร์ปลอดภัยหรือไม่?

A : การรักษาด้วยเลเซอร์ถือว่าปลอดภัยเมื่อทำภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม, อาจมีผลข้างเคียงเช่นความรู้สึกแสบร้อนชั่วคราว, ผิวแดง, หรือบวมที่บริเวณที่รักษา.

Q : จำเป็นต้องทำการรักษากี่ครั้ง?

A : จำนวนการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของสิว โดยทั่วไปอาจต้องการการรักษาหลายครั้ง ตั้งแต่ 3-5 ครั้ง หรือมากกว่านั้น โดยมีระยะห่างระหว่างการรักษาเพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัว.

สรุป รักษาสิวด้วยเลเซอร์

การรักษาสิวด้วย เลเซอร์ เป็นวิธีการที่ใช้พลังงานแสงเพื่อจัดการกับปัญหาสิวและปรับปรุงสภาพผิว โดยมีหลักการและประโยชน์ดังนี้:

หลักการทำงาน

  • ลดการอักเสบและการผลิตน้ำมัน: เลเซอร์เจาะจงส่งผ่านพลังงานไปยังรูขุมขน เพื่อลดการอักเสบและควบคุมน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง
  • ทำลายแบคทีเรีย: ใช้พลังงานแสงที่ปลอดภัยเพื่อทำลายแบคทีเรีย P. acnes ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ช่วยให้ผิวฟื้นตัวจากรอยแผลเป็นและปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น

ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้

  • เลเซอร์ CO2: ใช้สำหรับการ peel ผิวชั้นนอกและลดรอยแผลเป็นจากสิว
  • เลเซอร์ Nd
     

    : เหมาะสำหรับรักษาสิวอักเสบและลดรอยแดง

  • เลเซอร์ไดโอด: ช่วยลดการอักเสบและการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

  • การรักษาด้วยเลเซอร์ต้องการหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • ผิวอาจมีอาการแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังการรักษา แต่จะหายไปหลังจากไม่กี่วัน
  • ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

การดูแลหลังการรักษา

  • การใช้ครีมกันแดดและการดูแลผิวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่

การรักษาด้วยเลเซอร์ควรได้รับการดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ.

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

เลเซอร์รักษาฝ้า

เลเซอร์รักษาฝ้า

เลเซอร์รักษาฝ้า

เลเซอร์รักษาฝ้า

การมีผิวหน้าที่สะอาดสดใสเป็นความฝันของใครหลายๆ คน แต่ปัญหาฝ้าอาจทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจได้ ด้วยเทคโนโลยีการรักษาด้วยเลเซอร์ที่ก้าวล้ำ เลเซอร์รักษาฝ้า คุณสามารถบอกลากับปัญหาฝ้าที่ทำให้คุณกังวลมานานได้แล้ว การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์นั้นเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้ในการลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวหน้าของคุณกลับมากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ที่คลินิกของเรา เราใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ล่าสุดที่มีความแม่นยำสูง สามารถปรับแต่งการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของฝ้าของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากคุณกำลังมองหาวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า การรักษาด้วยเลเซอร์ที่คลินิกของเราอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหาได้ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์

เทคโนโลยีเลเซอร์หน้าใหม่

เทคโนโลยีเลเซอร์หน้าใหม่

เทคโนโลยีเลเซอร์สำหรับการดูแลผิวหน้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อรักษาปัญหาผิวหลายอย่างรวมถึงฝ้า ผิวหนังไม่เรียบเนียน และรอยแดงหรือจุดด่างดำ นี่คือบางส่วนของเทคโนโลยีเลเซอร์หน้าใหม่ที่น่าสนใจ:
  1. เลเซอร์ Picosecond: เลเซอร์ชนิดนี้ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีระยะเวลาสั้นมาก (พิโควินาที) ซึ่งช่วยในการรักษาจุดด่างดำและฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลดการระคายเคืองและช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น.

  2. เลเซอร์ Pulsed-Dye Laser (PDL): ปรับปรุงใหม่เพื่อการรักษาความผิดปกติของเส้นเลือดและรอยแดงบนผิวหนัง การใช้เลเซอร์นี้ยังช่วยลดฝ้าและจุดด่างดำบนผิวได้เช่นกัน.

  3. เลเซอร์ Fractional CO2: เทคโนโลยีนี้ใช้เลเซอร์ CO2 ที่ปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบศูนย์กลางหลายจุดเพื่อสร้างบาดแผลจุลภาค ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวใหม่ ซึ่งช่วยให้ผิวที่มีรอยฝ้าและรอยแผลเป็นดูดีขึ้น.

  4. เลเซอร์ Nd

     

    Q-switched: อัปเดตใหม่ของเทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถรักษารอยฝ้าและจุดด่างดำได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยบาดเจ็บในระยะยาว โดยเฉพาะการรักษาจุดด่างดำและเทาที่ยากต่อการลบออก.

การนำเทคโนโลยีเลเซอร์เหล่านี้มาใช้ในการรักษาไม่เพียงแต่ช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้น แต่ยังลดระยะเวลาการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย.

เลเซอร์สิวกี่วันหาย

เลเซอร์สิว กี่วันหาย

ระยะเวลาในการหายของสิวหลังจากการรักษาด้วยเลเซอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ ระดับความรุนแรงของสิว และความตอบสนองของผิวของแต่ละบุคคลต่อการรักษา โดยทั่วไป ผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเลเซอร์สามารถเริ่มเห็นได้หลังจากการรักษาครั้งแรกและจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ถึงหลายสัปดาห์หลังการรักษา สำหรับรายละเอียดดังนี้:

  1. เลเซอร์แบบไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ (Non-ablative lasers): ประเภทนี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อรักษาสิวอักเสบและรอยสิว การฟื้นตัวจะรวดเร็ว บางครั้งอาจใช้เวลาไม่กี่วัน แต่เพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจต้องการการรักษาหลายครั้ง

  2. เลเซอร์แบบก่อให้เกิดการบาดเจ็บ (Ablative lasers): เหมาะสำหรับรอยสิวลึก ประเภทนี้จะทำให้เกิดการผลัดผิวหนังชั้นนอก จึงอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 1-2 สัปดาห์

  3. เลเซอร์การอักเสบและการติดเชื้อ (Inflammatory and infection-targeting lasers): เช่น Nd

     

    ลดการอักเสบของสิวและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ผลลัพธ์สามารถเห็นได้หลังจากการรักษา 1-2 ครั้ง แต่อาจต้องการการรักษาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการกลับมาของสิว

การดูแลรักษาหลังการทำเลเซอร์ก็มีความสำคัญไม่น้อย ซึ่งรวมถึงการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารต้านการอักเสบ การหลีกเลี่ยงแสงแดด และการใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาผิวหนังในอนาคต

การดูแลผิวด้วยเลเซอร์

การดูแลผิวด้วยเลเซอร์

การดูแลผิวหลังการรักษาด้วยเลเซอร์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นได้ นี่คือขั้นตอนและคำแนะนำในการดูแลผิวหลังการรักษาด้วยเลเซอร์:

1. การทาครีมบำรุงและการใช้ครีมกันแดด

  • ทาครีมบำรุงผิว: ใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวและมีส่วนผสมต้านการอักเสบ เช่น อะโลเวร่า, วิตามิน E และซี.

  • ครีมกันแดด: หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดรอยด่างดำหรือการทำร้ายผิวจาก UV อีกครั้ง.

2. การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง เลือกใช้เจลล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนและไม่มีแอลกอฮอล์.

3. การรักษาความชื้นของผิว

  • ใช้โลชั่นหรือครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิด หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้งเช่น เรตินอยด์ ในช่วงแรก ๆ หลังการรักษา.

4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขัดผิว

  • หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือการใช้สครับในบริเวณที่ได้รับการรักษาจนกว่าผิวจะฟื้นตัวเต็มที่ ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังการรักษา.

5. การดูแลเฉพาะจุดหลังการรักษา

  • ติดตามและประเมินอาการของผิวหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง หากมีอาการผิดปกติ เช่น การระคายเคืองมากหรือมีอาการบวม ควรปรึกษาแพทย์ทันที.

การดูแลผิวเหล่านี้จะช่วยให้ผิวของคุณฟื้นตัวจากการรักษาด้วยเลเซอร์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และช่วยให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

Q&A เลเซอร์รักษาฝ้า

Q : เลเซอร์รักษาฝ้าทำงานอย่างไร?

A : เลเซอร์รักษาฝ้าทำงานโดยการปล่อยแสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นเพื่อเป้าหมายไปที่เม็ดสีที่ทำให้เกิดฝ้าบนผิวหนัง คลื่นแสงเลเซอร์จะช่วยทำลายหรือลดเม็ดสีเหล่านั้นโดยไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง ช่วยให้ฝ้าจางลงและผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น

Q : การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ใช้เวลากี่ครั้ง?

A : จำนวนครั้งในการรักษาขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้าและความรุนแรง โดยทั่วไปอาจต้องการ 3-6 ครั้ง โดยมีระยะห่างระหว่างการรักษา 4-6 สัปดาห์ แพทย์จะประเมินและแนะนำตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Q : การรักษาด้วยเลเซอร์มีความปลอดภัยหรือไม่?

A : การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยหากดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับการรักษาด้วยเลเซอร์ทุกประเภท อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ความรู้สึกแสบร้อน, อาการบวม, และรอยแดงชั่วคราว

สรุป เลเซอร์รักษาฝ้า

การรักษาฝ้าด้วย เลเซอร์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงในการลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าบนผิวหน้า โดยสรุปคุณสมบัติหลักและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

  1. เทคโนโลยีเลเซอร์: ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อเป้าหมายไปที่เม็ดสีผิดปกติในผิวหนัง ช่วยให้เม็ดสีฝ้าแตกตัวและจางหายไปโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่รอบข้าง

  2. ประสิทธิภาพ: เลเซอร์สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมในการลดจุดด่างดำและฝ้า ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสและสม่ำเสมอมากขึ้น

  3. การรักษา: การรักษาอาจต้องทำหลายครั้ง โดยปกติระหว่าง 3-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและประเภทของฝ้า ระยะห่างระหว่างการรักษาประมาณ 4-6 สัปดาห์

  4. ความปลอดภัย: ถือว่าเป็นวิธีการที่ปลอดภัยหากดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงเช่น ความรู้สึกแสบร้อน, อาการบวม, และรอยแดงชั่วคราว

  5. การดูแลหลังการรักษา: สำคัญมากที่จะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด ใช้ครีมกันแดด และดูแลรักษาผิวอย่างอ่อนโยน เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวอย่างเต็มที่และลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง

การรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด.

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

Sylfirm X Plus

Sylfirm X Plus

Sylfirm X Plus

ปัญหาผิว สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย รักษาด้วย Sylfirm X Plus ครบเครื่องเรื่องผิว!

เทคโนโลยีครบเครื่องเรื่องผิวใหม่ล่าสุด ปี 2024ในวงการความงามที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Sylfirm X Plus ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยประสิทธิภาพในการยกกระชับและฟื้นฟูผิวที่โดดเด่น Sylfirm X Plus นำเสนอการดูแลผิวที่ครบวงจรและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผิวในทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็น หลุมสิว ผิว ฝ้า กระ ริ้วรอย รักษาได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เทคโนโลยีระดับมาตรฐานสากล

Sylfirm X Plus คืออะไร

Sylfirm X Plus คืออะไร?

เป็นเครื่องมือรักษาผิวได้หลากหลายปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพผิวของเรา  ไม่ว่าจะเป็นหลุมสิว ริ้วร้อย ฝ้า กระ ช่วยปรับผิวกระจ่างใส ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแรกของโลกที่ใช้เข็มขนาดเล็กในการส่งคลื่นความถี่วิทยุถึง 2 รูปแบบ คือ

  • Continuous Wave  มักนำมาใช้แก้ปัญหาผิวที่เกิดในผิวชั้นลึก
  • Pulsed Wave นำมาใช้แก้ปัญหาผิวที่เกิดในผิวชั้นตื้น

เป็นนวัตกรรมคลื่น (Dual Wave) เครื่องแรกของโลก นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องแรกของโลกที่ใช้เข็มขนาดเล็กในการส่งคลื่นความถี่วิทยุถึง เข้าไปยังผิวหนังชั้นลึกแบบตรงจุด

Sylfirm X Plus ช่วยเรื่องอะไร?

  • ความผิดปกติของเม็ดสี ฝ้า รอยดำ รอยแดง
  • ช่วยฟื้นฟูผิวหน้า ผิวกระจ่างใส รูขุมขนกว้างไม่เรียบเนียน ริ้วรอย ความหย่อนคล้อยตามช่วงวัย
  • ช่วยแก้ปัญหารักษารอยแผลเป็น รอยสิว หลุมสิว แผลเป็นนูน รอยแตกลายตามร่างกาย

Sylfirm X Plus เหมาะกับใคร?

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาปัญหาของผิวที่เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัยไม่ว่าจะเป็น หลุมสิว ผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย ความหย่อนคล้อยตามวัย ผิวแตกลาย รักษาได้ทั้งบริเวณหน้าและร่างกาย

ผลลัพธ์หลังทำ Sylfirm X Plus

   ทันทีที่ทำเสร็จ ผิวจะรู้สึกกระชับขึ้นและเรียบเนียนขึ้นทันที ริ้วรอยเล็กๆ จะดูจางลง และสีผิวจะสม่ำเสมอขึ้น โดยทั่วไปอาจมีอาการแดงเล็กน้อยและบวมเล็กน้อย ซึ่งจะลดลงในไม่กี่ชั่วโมงถึงหนึ่งวัน ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นจะเห็นได้หลังจากการทำครั้งแรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยส่วนใหญ่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากการทำเพียง 1-3 ครั้ง และผลลัพธ์ที่ได้จะยาวนานถึง 12 เดือน

สวยครบจบที่ วันวานคลินิก

Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ดูแลรักษากับหมอผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ที่แต่ละบุคคลพึงพอใจมากที่สุด ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์และเครื่องมือในการรักษาระดับมาตรฐานสากล ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพราะที่นี่ สวย ครบ จบที่เดียว วันวานคลินิก

ปรึกษาแพทย์โดยตรง

“ ถามหมอเลยครับ ” 

 

 

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

Oligio นวัตกรรมใหม่แห่งการปรับรูปหน้า

Oligio นวัตกรรมใหม่แห่งการปรับรูปหน้า

 Oligio นวัตกรรมเครื่องยกกระชับใหม่ล่าสุด ปี 2024 ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับ Thermage FLX นั่นก็คือเทคโนโลยี Monopolar RF โดยพลังงานจะแผ่ลงในผิวทั้ง 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ และชั้นไขมัน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นมาใหม่ ช่วยให้ผิวยกกระชับ ลดการเกิดริ้วรอยผิวหนังที่หย่อนคล้อย ลดไขมันส่วนเกิน กรอบหน้าชัดกระชับรูขุมขน

Oligio ดีอย่างไร?

  • ด้วยเทคโนโลยี monopolar RF เป็นการส่งคลื่นวิทยุจากชั้นบนของผิวหนังลงไปถึงชั้นล่างของผิวหนัง ด้วยความถี่ 6.78 MHz ลงลึกถึงประมาณ 4.3 มม. ขณะส่งคลื่นวิทยุทำให้เกิดความร้อนขึ้น จากชั้นบนคือหนังกำพร้า ถัดมาชั้นหนังแท้ แล้วก็ชั้นไขมัน
  • สะดวกและรวดเร็ว การรักษาด้วย oligio ใช้เวลาไม่นานเพียง 20-40 นาที หลังทำยกกระชับทันที 10% โดยเห็นผลชัดเจนประมาณ 2 เดือน
  • ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล มีระบบตรวจสอบวัดอุณหภูมิความร้อนของผิวตลอดเวลาขณะทำการรักษา ปลอดภัย ไม่ต้องพักฟื้น
  • กระตุ้นคอลลาเจน และ อีลาสติน กระชับรูขุมขน ผิวคุณภาพดีขึ้น ช่วยปรับรูปหน้า ยกกระชับมากขึ้น ผลลัพธ์อยู่นาน 1 ปี

 

Oligio เหมาะกับใคร?

  • คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หน้าไม่กระชับตามวัย
  • คนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน แก้มเยอะ อยากให้หน้าเล็กลง
  • คนที่มีปัญหาไขมันใต้คาง เหนียงเยอะ อยากให้กระชับขึ้น
  • คนที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
  • คนที่ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด 
  • คนที่อยากกระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • คนที่มีปัญหาหางตาตก คิ้วตก เปลือกตาตก ต้องการยกกระชับขึ้น
  • คนที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนเจนให้ผิว เพื่อผิวสุขภาพดีขึ้น



ทำ Oligio เจ็บมั้ย ทำบริเวณไหนได้บ้าง

ด้วยตัวเครื่องที่เขาคิดค้นมา ทำให้ความเจ็บน้อยมาก ๆ ความเจ็บเพียง 2 เต็ม 10 เท่านั้น ไม่แปะยาชาก็สามารถทำได้เลย ตอนทำจะรู้สึกร้อน ๆ อุ่น ๆ นิดหน่อยตรงบริเวณที่รักษา หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ปกติทุกอย่าง สามารถแต่งหน้าทาครีมได้ปกติ ไม่บวมหลังทำ ผลลัพธ์อยู่นานถึง 1 ปี และสามารถทำได้ทั่วใบหน้า แก้ม เหนียง หน้าผาก หางตา ยกเปลือกตา หน้าท้อง

รีวิว Oligio

สวยครบจบที่ วันวานคลินิก

Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ดูแลรักษากับหมอผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อผลลัพธ์ที่แต่ละบุคคลพึงพอใจมากที่สุด ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์และเครื่องมือในการรักษาระดับมาตรฐานสากล ในราคาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพราะที่นี่ สวย ครบ จบที่เดียว วันวานคลินิก

ปรึกษาแพทย์โดยตรง

“ ถามหมอเลยครับ ” 

 

 

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล

ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล

ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล

ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล

การดูแลผิวพรรณให้สวยงามและสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การดริปวิตามินผิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่ามีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวให้ดูสดใสและเปล่งปลั่งได้อย่างรวดเร็ว แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?”

การดริปวิตามินผิวเป็นการฉีดสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ซึ่งช่วยให้สารอาหารซึมซับเข้าสู่กระแสเลือดได้ทันที การเห็นผลของการดริปวิตามินผิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวของแต่ละบุคคล ปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข และความสม่ำเสมอในการทำ

โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์เริ่มต้นจะสามารถสังเกตได้หลังจากทำการดริปวิตามินประมาณ 3-4 ครั้ง แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน อาจต้องทำการดริปวิตามินผิวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 เดือน และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ

การดริปวิตามินผิวไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวดูสดใสขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว หากคุณต้องการมีผิวสวยสุขภาพดี การดริปวิตามินผิวอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณได้ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์

ดริปวิตามิน ขาวจริงไหม

 

การดริปวิตามินเพื่อการทำให้ผิวขาวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวให้ดูสว่างและกระจ่างใสขึ้น โดยทั่วไปการดริปวิตามินสำหรับผิวจะมีส่วนผสมหลักเช่น วิตามิน C และกลูตาไธโอน ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดเม็ดสีเมลานินและป้องกันการเกิดจุดด่างดำ

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ในการทำให้ผิวขาวสามารถแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น ระดับเมลานินเดิมของผิว ประวัติการดูแลผิว และความถี่ในการดริปวิตามิน นอกจากนี้ การดริปวิตามินไม่สามารถทำให้ผิวขาวอย่างถาวรหรือเปลี่ยนแปลงสีผิวอย่างรุนแรงได้ มันเพียงช่วยในการปรับปรุงความกระจ่างใสและเสริมสร้างสุขภาพผิวให้ดูดีขึ้น

การใช้วิตามินดริปเพื่อผิวขาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและตรวจสอบว่าวิธีการนี้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณหรือไม่. การประเมินสุขภาพผิวและติดตามผลอย่างต่อเนื่องจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย.

ดริปวิตามิน บ่อยแค่ไหน

ดริปวิตามินผิว บ่อยแค่ไหน

ความถี่ในการดริปวิตามินผิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงเป้าหมายในการดูแลผิวและคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง โดยทั่วไป การดริปวิตามินผิวอาจเริ่มต้นด้วยการดริป 1 ครั้งต่อสัปดาห์ สำหรับ 3-4 ครั้งแรก เพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน จากนั้นอาจปรับลดความถี่ลงเป็น 1 ครั้งต่อเดือน เพื่อการบำรุงรักษาผลลัพธ์ที่ได้

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดแผนการที่เหมาะสมกับคุณ โดยพิจารณาจากสภาพผิว ปัญหาผิว และเป้าหมายในการดูแลผิวของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย.

ดริปวิตามินผิว ข้อเสีย

การดริปวิตามินผิว แม้จะมีประโยชน์ในการบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดีและสดใส แต่ก็มีข้อเสียและความเสี่ยงที่ควรพิจารณาดังนี้:

  1. ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ: การดริปวิตามินผิวเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เข็มเพื่อฉีดวิตามินเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากการฉีดไม่ได้ดำเนินการภายใต้สภาพที่สะอาดและปลอดเชื้ออย่างเหมาะสม

  2. ปฏิกิริยาแพ้หรือผลข้างเคียง: บางคนอาจมีปฏิกิริยาแพ้ต่อส่วนผสมบางอย่างในสารละลายวิตามินที่ใช้ดริป รวมถึงอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น อาการคัน, ผื่น, หรือแม้แต่อาการช็อก

  3. การเกินขนาดวิตามิน: การดริปวิตามินสามารถนำไปสู่การได้รับวิตามินเกินขนาดได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ความเสียหายต่อตับและไต

  4. ค่าใช้จ่าย: การดริปวิตามินผิวมักมีค่าใช้จ่ายสูง และอาจต้องทำเป็นประจำเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งอาจไม่เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับทุกคน

  5. ขาดหลักฐานทางการแพทย์: แม้ว่าการดริปวิตามินจะได้รับความนิยม แต่การวิจัยที่เกี่ยวข้องยังค่อนข้างจำกัด และผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ดังนั้น การตัดสินใจเริ่มการดริปวิตามินผิวควรมาพร้อมกับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น.

Q&A ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล

Q : ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งถึงเห็นผล?

A : ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปคุณอาจเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังจากการดริปประมาณ 3-4 ครั้ง การดำเนินการดริปเป็นประจำทุก 1-2 เดือนอาจช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยั่งยืน

Q : มีผลข้างเคียงจากการดริปวิตามินผิวหรือไม่?

A : แม้การดริปวิตามินจะปลอดภัยสำหรับหลายคน แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น รู้สึกไม่สบายตัวที่จุดฉีด, การติดเชื้อ, และในกรณีที่หายากอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการดริปเพื่อประเมินความเสี่ยง

Q : ควรปรึกษาใครก่อนเริ่มการดริปวิตามินผิว?

A : ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนเริ่มการดริป เพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยตามสภาพผิวและสุขภาพของคุณ

สรุป ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล

การเห็นผลจากการดริปวิตามินผิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวเดิมของบุคคลนั้น ๆ และปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข โดยทั่วไป ผลลัพธ์เริ่มต้นสามารถเห็นได้หลังจากทำการดริปประมาณ 3-4 ครั้ง แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและชัดเจน อาจต้องทำการดริปต่อเนื่องทุก 1-2 เดือน และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณเป็นระยะ

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวเป็นหนึ่งในเทคนิคความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการปรับปรุงและฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ด้วยการใช้สารเติมเต็มที่ปลอดภัย ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเพิ่มปริมาณให้กับบริเวณที่ผิวหย่อนคล้อย เทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดเลือนร่องรอยของวัย แต่ยังช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุลและมีมิติมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์มักจะเห็นได้ทันทีหลังการรักษา และมีระยะเวลาการฟื้นตัวที่รวดเร็ว ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงลักษณะผิวโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด.

รวมข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวมีข้อดีหลายประการ ซึ่งรวมถึง :

  1. ลดริ้วรอยและเติมเต็มร่องลึก : ฟิลเลอร์ช่วยลดริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียนขึ้น
  2. ปรับรูปหน้าและเพิ่มความสมดุล : สามารถใช้ฟิลเลอร์ในการปรับรูปทรงของหน้า เช่น ทำให้แก้มหรือคางดูมีมิติมากขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วนและมีความสมดุล
  3. เพิ่มปริมาณและความชุ่มชื้นให้ผิว : ฟิลเลอร์บางชนิดมีส่วนผสมของไฮยาลูโรนิก แอซิด ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณและความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและสดใส
  4. ผลลัพธ์ทันทีและมีอายุการใช้งานนาน : หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ทันที และผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ได้รับการฉีด
  5. การฟื้นตัวรวดเร็ว : การฉีดฟิลเลอร์เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้มีระยะเวลาการฟื้นตัวที่รวดเร็ว ผู้รับการฉีดสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังจากการรักษา

อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ก็มีความเสี่ยงและข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินข้อดีและข้อเสีย วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับตัวคุณเอง.

ฟิลเลอร์ ปรับสภาพผิวเหมาะกับใคร

ฟิลเลอร์ ปรับสภาพผิวเหมาะกับใคร

การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวเหมาะกับบุคคลที่ต้องการแก้ไขหรือปรับปรุงลักษณะผิวหน้า โดยทั่วไปมักเหมาะกับ :

  1. บุคคลที่มีริ้วรอยหรือร่องลึก : ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกบนผิวหน้า เช่น รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา หรือร่องแก้ม
  2. ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาณให้กับบางส่วนของใบหน้า : เช่น แก้มที่ดูตอบ หรือริมฝีปากที่บาง เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติและสมดุลมากขึ้น
  3. บุคคลที่ต้องการปรับรูปทรงหน้า : เช่น การเพิ่มความสูงของโหนกแก้มหรือการปรับรูปทรงของคาง
  4. ผู้ที่ต้องการผิวหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และสดใส : ฟิลเลอร์สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและมีสุขภาพดี
  5. บุคคลที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีระยะเวลาฟื้นตัวสั้น : การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการรักษา

อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่างหรือมีอาการแพ้ส่วนผสมของฟิลเลอร์ ดังนั้น การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัย.

การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง นี่คือขั้นตอนที่ควรทำ :

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : การพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวัง ประวัติการแพ้ และสุขภาพทั่วไปเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์สำหรับคุณ
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด : ควรหลีกเลี่ยงยาที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออกและช้ำ เช่น แอสไพริน หรือยาต้านการอักเสบไม่สเตียรอยด์ เป็นเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
  3. งดการดื่มแอลกอฮอล์ : ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงของการช้ำและเลือดออก
  4. เตรียมผิวหน้าให้พร้อม : ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้ล้ำลึกและงดการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิดที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองก่อนการฉีด
  5. มีสุขภาพที่ดี : การมีสุขภาพร่างกายที่ดี รวมถึงการนอนหลับให้เพียงพอ และการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้การฟื้นตัวหลังการฉีดดีขึ้น
  6. วางแผนการฟื้นตัว : ต้องการเวลาฟื้นตัวหลังการฉีด ดังนั้นควรวางแผนการทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับการฟื้นตัว

การติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวของคุณเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด.

การดูแลตัวเองหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

การดูแลตัวเองหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง นี่คือคำแนะนำสำหรับการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ :

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด : เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่น ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ได้รับการฉีดอย่างน้อย 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังการฉีด
  2. หลีกเลี่ยงความร้อนสูง : ควรหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรือการออกกำลังกายหนัก ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
  3. งดการใช้เครื่องสำอางบนบริเวณที่ฉีด : ควรงดการใช้เครื่องสำอางบนบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการฉีดเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  4. ประคบเย็นหากจำเป็น : หากมีอาการบวมหรือช้ำ สามารถประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยลดอาการ
  5. รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ : หากมีอาการไม่สบายหรืออาการอักเสบ ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
  6. งดการดื่มแอลกอฮอล์ : ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์สักหน่อยหลังการฉีดเพื่อลดความเสี่ยงของการช้ำและบวม
  7. ตรวจสอบบริเวณที่ได้รับการฉีด : สังเกตุบริเวณที่ได้รับการฉีดว่ามีอาการผิดปกติ เช่น การติดเชื้อหรือการช้ำมากเกินไป และหากมีอาการผิดปกติควรติดต่อแพทย์

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณฟื้นตัวจากการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษา.

Q&A ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

Q : การฉีดฟิลเลอร์ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร ?

A : ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบนผิวหน้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยทำงานโดยการเพิ่มปริมาณใต้ผิวหนังในบริเวณที่ต้องการการปรับปรุง.

Q : ฟิลเลอร์มีประโยชน์อย่างไรในการปรับรูปทรงของใบหน้า ?

A : ฟิลเลอร์สามารถใช้เพื่อเพิ่มปริมาณและมิติในบริเวณที่ต้องการ เช่น แก้มหรือคาง ทำให้ใบหน้ามีความสมดุลและมิติมากขึ้น ช่วยให้รูปหน้าดูมีโครงสร้างและน่ามองยิ่งขึ้น.

Q : ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานเท่าไร ?

A : ผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้ตั้งแต่หลายเดือนถึงหลายปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ บริเวณที่ได้รับการฉีด และลักษณะการเมตาบอลิซของร่างกายแต่ละบุคคล.

สรุป ข้อดีของ การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว

การฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิวมีข้อดีหลายประการ ได้แก่ :

  1. ลดริ้วรอยและเติมเต็มร่องลึก : ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์โดยการลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็มร่องลึกบนผิวหน้า
  2. ปรับรูปหน้าและเพิ่มความสมดุล : สามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปทรงของหน้าและเพิ่มความสมดุลให้กับใบหน้า ทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น
  3. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว : ฟิลเลอร์ที่มีไฮยาลูโรนิก แอซิดช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและมีสุขภาพดี
  4. ผลลัพธ์ทันทีและมีอายุการใช้งานนาน : ผลลัพธ์จากการฉีดสามารถเห็นได้ทันทีและสามารถคงอยู่ได้นาน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแล
  5. การฟื้นตัวรวดเร็ว : ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันทีหลังการฉีด

โดยรวมแล้ว การฉีดฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงหรือบำรุงสภาพผิวหน้าให้ดูดีขึ้น แต่ควรได้รับการปฏิบัติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย.

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

HIFU กี่วันเห็นผล

HIFU กี่วันเห็นผล

HIFU กี่วันเห็นผล

HIFU กี่วันเห็นผล

การรักษาด้วยเทคนิค High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) เป็นวิธีการไม่ผ่าตัดที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อเป้าหมายและทำลายเซลล์ที่ไม่พึงประสงค์ในร่างกาย โดยทั่วไปใช้ในการรักษาเนื้องอกและในด้านความงามเพื่อกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอย HIFU กี่วันเห็นผล ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย HIFU อาจแตกต่างกันไปตามบุคคล และเวลาที่เห็นผลลัพธ์อาจแตกต่างกันเช่นกัน ในด้านความงาม ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย HIFU อาจเริ่มเห็นได้ชัดเจนภายในไม่กี่วันหลังการรักษา แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมักจะเห็นได้ชัดเจนหลังจากผ่านไป 2-3 เดือน ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจต้องการหลายครั้งของการรักษาเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการสำหรับการรักษาเนื้องอกหรือเงื่อนไขทางการแพทย์อื่น ๆ โดยใช้ HIFU ผลลัพธ์อาจขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง และลักษณะของเนื้องอกหรือเงื่อนไขที่รักษา ผลลัพธ์สามารถสังเกตเห็นได้หลังจากการรักษาเพียงครั้งเดียวหรืออาจต้องการการรักษาหลายครั้ง สำคัญที่สุดคือการปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเพื่อประเมินสภาพผิวหรือเงื่อนไขทางการแพทย์ของคุณ และเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมเกี่ยวกับการรักษาและคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์

ข้อดีของการทำ HIFU

ข้อดีของการทำ HIFU

การทำ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) มีข้อดีหลายประการ ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงลักษณะภายนอกโดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อดีของการทำ HIFU ได้แก่:

  • ไม่ต้องผ่าตัด: HIFU เป็นการรักษาแบบไม่ผ่าตัด ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดและการสลบ.

  • ระยะเวลาฟื้นตัวสั้น: เนื่องจากไม่มีการผ่าตัด ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างรวดเร็วหลังการรักษา โดยมีระยะเวลาฟื้นตัวน้อยหรือไม่มีเลยในหลายกรณี.

  • ปลอดภัยและมีประสิทธิผล: HIFU มีประวัติการใช้งานที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการกระชับผิวและลดริ้วรอย โดยทำให้คอลลาเจนสร้างใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น.

  • การรักษาที่เจาะจง: ด้วยเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูง HIFU สามารถเป้าหมายไปที่พื้นที่เฉพาะเจาะจงใต้ผิวหนัง โดยไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นบน.

  • ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน: ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย HIFU สามารถอยู่ได้นานถึงหนึ่งปีหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและรูปแบบการดำรงชีวิต.

  • ไม่มีเวลาหยุดทำงาน: ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทำกิจกรรมประจำวันต่อไปได้ทันทีหลังการรักษา โดยไม่ต้องหยุดพักหรือเวลาฟื้นตัว.

  • เหมาะกับพื้นที่ต่างๆ บนร่างกาย: แม้ว่า HIFU จะใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาบนใบหน้าและลำคอ แต่ยังสามารถใช้ในพื้นที่อื่นๆ ของร่างกายเพื่อกระชับผิวและลดไขมัน.

การทำ HIFU อาจมีข้อจำกัดและความเสี่ยงบางประการสำหรับบุคคลที่มีสภาพผิวหนังบางประเภทหรือปัญหาสุขภาพเฉพาะ ดังนั้นการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ

HIFU ทําได้บ่อยแค่ไหน

HIFU ทําได้บ่อยแค่ไหน

ความถี่ในการทำ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึง วัตถุประสงค์ของการรักษา ชนิดของผิวหนัง และการตอบสนองของแต่ละบุคคลต่อการรักษาครั้งแรก โดยทั่วไปแล้ว

  • การรักษาด้านความงามและกระชับผิว: สำหรับการใช้ HIFU เพื่อกระชับผิวและลดริ้วรอย การรักษามักจะแนะนำให้ทำเพียงครั้งเดียวแล้วติดตามผลลัพธ์ เนื่องจากผลลัพธ์จากการรักษาสามารถอยู่ได้นานถึงหนึ่งปีหรือมากกว่า ผู้ป่วยบางรายอาจต้องการการรักษาซ้ำหลังจาก 6-12 เดือน เพื่อรักษาหรือเพิ่มผลลัพธ์ที่ได้

  • การตอบสนองของบุคคล: ผู้ที่มีผิวที่ตอบสนองต่อการรักษาดีอาจไม่จำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำบ่อยเท่ากับผู้ที่ผิวตอบสนองช้าหรือน้อยกว่า

  • คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์จะประเมินผลลัพธ์หลังการรักษาและแนะนำความถี่ในการรักษาต่อไปที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล โดยพิจารณาจากอายุ สภาพผิว และวัตถุประสงค์ของการรักษา

  • การรักษาสภาพผิวหรือเงื่อนไขทางการแพทย์: สำหรับการใช้ HIFU ในการรักษาเงื่อนไขทางการแพทย์ เช่น เนื้องอกหรือ เซลลูไลท์ ความถี่ในการรักษาอาจแตกต่างกัน และจะต้องได้รับการประเมินและแนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ในทุกกรณี การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินผลลัพธ์และแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับความถี่และระยะห่างของการรักษาที่เหมาะสมเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการโดยไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผิวหนังของคุณ

HIFU ทำส่วนไหนได้บ้าง

HIFU ทำส่วนไหนได้บ้าง

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคนิคที่มีความหลากหลายในการใช้งาน และสามารถใช้รักษาหลายส่วนของร่างกายได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการรักษาและเทคโนโลยีที่ใช้ ส่วนที่สามารถทำ HIFU ได้ประกอบด้วย

  • ใบหน้า: ใช้สำหรับกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย และเสริมความกระชับให้กับผิว สามารถทำได้ตั้งแต่หน้าผาก ตา แก้ม รอบปาก และบริเวณคาง

  • ลำคอและบริเวณเหนืออก ใช้เพื่อลดริ้วรอยและกระชับผิวในบริเวณเหล่านี้

  • บริเวณรอบดวงตา: สามารถใช้ HIFU ในการกระชับผิวบริเวณรอบดวงตาและลดริ้วรอยเล็กๆ

  • ท้องและเอว ใช้ในการลดไขมันและกระชับผิวในบริเวณเหล่านี้

  • แขนและขา สำหรับลดไขมันและกระชับผิวบนแขนและขา

  • บั้นท้ายและสะโพก ใช้ในการปรับรูปทรงและกระชับผิวในบริเวณเหล่านี้

  • บริเวณอื่นๆ ในบางกรณี HIFU ยังสามารถใช้สำหรับรักษาเงื่อนไขอื่นๆ เช่น เซลลูไลท์

ควรทราบว่าผลลัพธ์ของการรักษาด้วย HIFU อาจแตกต่างกันไปตามบุคคลและสภาพผิว และการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านความงามหรือแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจทำการรักษาด้วย HIFU

HIFU อยู่ได้กี่เดือน

HIFU อยู่ได้กี่เดือน

ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) มีความต่างกันไปตามบุคคลแต่ละราย แต่โดยทั่วไป ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาผิวหลังการทำ HIFU การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนังซึ่งเป็นผลจากการรักษาด้วย HIFU ช่วยให้ผิวดูกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น

เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานมากขึ้น ผู้ป่วยอาจถูกแนะนำให้ทำการรักษาตามติดหรือการรักษาซ้ำหลังจากผ่านไป 6-12 เดือน นอกจากนี้ การดูแลรักษาผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการป้องกันผิวจากแสงแดด การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีคุณภาพ และการมีวิถีชีวิตที่ดี ก็สามารถช่วยให้ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย HIFU อยู่ได้นานขึ้น

อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับความถี่ของการรักษาและการดูแลรักษาเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานที่สุด

Q&A HIFU กี่วันเห็นผล

Q : ผลลัพธ์จากการทำ HIFU จะเห็นได้ชัดเจนภายในกี่วัน?

A : ผลลัพธ์เริ่มต้นจากการรักษาด้วย HIFU อาจเห็นได้ชัดเจนภายในไม่กี่วันหลังการรักษา แต่ผลลัพธ์สูงสุดและชัดเจนที่สุดมักจะปรากฏหลังจาก 2-3 เดือน เนื่องจากผิวหนังต้องใช้เวลาในการผลิตคอลลาเจนใหม่และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการรักษาจะเริ่มฟื้นฟูตัวเอง

Q : ทำไมผลลัพธ์จาก HIFU ถึงใช้เวลานานกว่าที่จะเห็นได้ชัดเจน?

A : การรักษาด้วย HIFU ทำงานโดยการส่งพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปในชั้นลึกของผิวหนัง เพื่อกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูตัวเองของร่างกายและการผลิตคอลลาเจนใหม่ กระบวนการนี้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และต้องใช้เวลาในการพัฒนาผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน

Q : มีปัจจัยใดบ้างที่อาจส่งผลต่อระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์จาก HIFU?

A : หลายปัจจัยสามารถส่งผลต่อระยะเวลาและคุณภาพของผลลัพธ์จากการรักษาด้วย HIFU รวมถึง อายุ, ชนิดของผิว, ระดับความยืดหยุ่นของผิว, พฤติกรรมการสูบบุหรี่, การเปิดเผยต่อแสงแดด, และการดูแลรักษาผิวหลังการทำ HIFU

สรุป HIFU กี่วันเห็นผล

การเห็นผลลัพธ์จากการทำ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) อาจแตกต่างกันไปตามบุคคล แต่โดยทั่วไป ผลลัพธ์เริ่มต้นอาจเห็นได้ชัดเจนภายในไม่กี่วันหลังการรักษา อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์สูงสุดและชัดเจนที่สุดมักจะปรากฏหลังจาก 2-3 เดือน เนื่องจากต้องใช้เวลาสำหรับการผลิตคอลลาเจนใหม่และกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำUlthera

รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ อัลเทอร่า

รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำUlthera

รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ อัลเทอร่า

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การมองหาวิธีการดูแลตัวเองที่ปลอดภัยและมีประสิทธิผลเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ อัลเทอร่า หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดคือ อัลเทอร่า หรือ Ultherapy การทำอัลเทอร่าใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ผิวหน้าและบริเวณอื่นๆ ดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น บทความนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือที่รวมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำอัลเทอร่า, ตั้งแต่การเตรียมตัว ขั้นตอนการทำ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ผลข้างเคียง ค่าใช้จ่าย ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังการทำ ด้วยข้อมูลครบถ้วนนี้ คุณจะสามารถทำการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองและสุขภาพผิวของคุณ

Ulthera เหมาะกับใคร

Ulthera SPT เหมาะกับใคร

Ulthera SPT (Short Pulse Technology) เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นจาก Ultherapy หรือ อัลเทอร่า ทั่วไป มีจุดเด่นในการใช้พัลส์เสียงที่สั้นกว่า ทำให้ลดอาการเจ็บปวดระหว่างการทำ และยังช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงขึ้น กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับ Ulthera SPT ได้แก่

  • ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการการยกกระชับแบบละเอียด เช่น รอบดวงตา แก้ม และบริเวณคาง
  • ผู้ที่มีความไวต่อการเจ็บปวด เนื่องจาก Ulthera SPT มีการปรับเทคโนโลยีให้มีอาการเจ็บปวดน้อยลง จึงเหมาะกับผู้ที่มีความไวต่อการเจ็บปวดหรือต้องการความสบายในระหว่างการรักษา
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เน้นความละเอียดและเป็นธรรมชาติ Ulthera SPT ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดและเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง
  • ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ยุ่ง เช่นเดียวกับ Ultherapy ทั่วไป Ulthera SPT ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังการรักษา จึงเหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอ็คทีฟหรือไม่สามารถหยุดพักได้นาน
  • ผู้ที่มีสุขภาพผิวดี ผู้ที่มีสุขภาพผิวดี ไม่มีปัญหาผิวหนังอื่นๆ มักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการทำ Ulthera SPT

การทำ Ulthera SPT ควรได้รับคำแนะนำและการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล

Ulthera มีกี่แบบ

Uthera SPT มีกี่แบบ

Ulthera SPT (Short Pulse Technology) ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาจาก Ulthera หรือ Ultherapy แบบดั้งเดิม มักจะเน้นที่การปรับปรุงคุณสมบัติของเครื่องมือและเทคนิคการรักษาเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ถึงตอนนี้  Ulthera SPT มีหลายแบบหรือไม่ โดยปกติ Ulthera หรือ Ultherapy จะมีแบบเดียว แต่มีการใช้งานในหลายบริเวณของร่างกาย แต่ไม่ได้มีการจำแนกออกเป็นแบบต่างๆ อย่างชัดเจน และมีหัวที่ใช้ให้เหมาะสมกับ 3 ระดับความลึก แต่ละหัวก็จะเหมาะกับผิวชั้นที่แตกต่างกัน

  • หัว Ulthera ขนาด 1.5 mm  สำหรับผิวชั้นหนังกำพร้า และ ชั้นหนังแท้ และบริเวณริ้วรอยต่างๆ 
  • หัว Ulthera ขนาด 3.0 mm สำหรับผิวชั้นไขมัน (ประกอบไปด้วย Collagen แนวตั้ง) รอบดวงตา หน้าผาก ให้ผิวที่หย่อนคล้อยกระชับมากยิ่งขึ้น
  • หัว Ulthera ขนาด 4.5 mm  สำหรับผิวชั้นกล้ามเนื้อหรือชั้น SMAS ชั้นที่ใช้สำหรับการศัลยกรรมดึงหน้า สำหรับผิวบริเวณเหนียง แก้ม ลำคอ
ข้อห้ามหลังทํา ulthera

ข้อห้ามหลังทํา อัลเทอร่า

หลังจากทำ Ultherapy หรือ อัลเทอร่า มีข้อห้ามหรือคำแนะนำที่ควรปฏิบัติตามเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ข้อห้ามหลังการทำ อัลเทอร่า ประกอบด้วย

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวหน้าอย่างรุนแรง หลังการรักษา ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดผิวหน้าอย่างแรง เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนสูง หลีกเลี่ยงการได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน  และควรใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพหาต้องออกไปข้างนอก
  • งดการทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายร้อนมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก การใช้ซาวน่า หรือการแช่น้ำร้อนในช่วงแรกๆ หลังการรักษา
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดหรืออลกอฮอล์สูง
  • ไม่ทำทรีทเมนต์ผิวอื่นๆ ทันที ควรรอสักระยะหนึ่งก่อนทำทรีทเมนต์ผิวหน้าอื่นๆ เช่น  เลเซอร์ หรือการเข้าสปา ผิวหน้า
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหรือสารเคมีบนผิว หากจำเป็นต้องใช้ยาหรือสารเคมีบนผิวหน้าหลังการรักษา อัลเทอร่า ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวหน้าฟื้นตัวอย่างเต็มที่หลังการทำ อัลเทอร่า แต่ยังช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา อย่างไรก็ตาม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเฉพาะจากแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นหลัก ได้ที่ Onewan Clinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์

ข้อเสีย การทำ ulthera

ข้อเสีย การทำอัลเทอร่า

การทำ อัลเทอร่า  ซึ่งเป็นวิธีการยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แม้จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณาดังนี้

  • ความเจ็บปวด บางคนอาจรู้สึกเจ็บปวดระหว่างการทำ อัลเทอร่า โดยเฉพาะในระหว่างที่คลื่นเสียงความถี่สูงทำงาน
  • ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนทันที ผลลัพธ์จากการทำ อัลเทอร่า อาจต้องใช้เวลาสักระยะ 2-3 เดือน กว่าจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
  • ผลลัพธ์อาจแตกต่างกัน ผลลัพธ์ของ อัลเทอร่า อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและลักษณะของการหย่อนคล้อย
  • ผลข้างเคียง บางคนอาจประสบกับผลข้างเคียง เช่น บวม ช้ำ หรือมีอาการระคายเคืองหลังการทำ
  • ค่าใช้จ่าย อัลเทอร่า อาจมีค่าใช้จ่ายสูง และต้องการการทำซ้ำหลายครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์.
  • ไม่เหมาะกับทุกบุคคล อัลเทอร่า ไม่เหมาะสำหรับบางคน เช่น ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง หรือผู้ที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์บางอย่าง

การตัดสินใจทำ อัลเทอร่า ควรพิจารณาข้อมูลทั้งหมดนี้และควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความคาดหวังที่เป็นจริง

Q&A รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ อัลเทอร่า

Q : Ultherapy หรือ อัลเทอร่า คืออะไร?

A : Ultherapy หรือ อัลเทอร่า เป็นวิธีการรักษาด้านความงามที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasound) เพื่อยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด มีจุดมุ่งหมายในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์

Q :การทำ อัลเทอร่า เหมาะกับใคร?

A : การทำ อัลเทอร่า เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง อายุระหว่าง 30 ถึง 65 ปี และต้องการทางเลือกในการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด

Q : การทำ อัลเทอร่า เจ็บไหม ?

A : ผู้รับการรักษาอาจรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยระหว่างการรักษา ความรู้สึกไม่สบายนี้มักจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและบริเวณที่ได้รับการรักษา

สรุป รวมสิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำ อัลเทอร่า

การทำ Ultherapy หรือ อัลเทอร่า เป็นกระบวนการยกกระชับผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในผิวหนัง มันเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 30-65 ปี แม้ว่าการทำอัลเทอร่าจะไม่ต้องการเวลาในการพักฟื้น แต่ผู้ที่ทำอาจรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในระหว่างการทำ ผลลัพธ์จากการรักษามักจะเริ่มปรากฏหลังจาก 2-3 เดือน และอาจต้องทำซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว ผลข้างเคียงเช่นบวม ช้ำ หรือความไม่สบายในบริเวณที่ทำมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน ค่าใช้จ่ายในการทำอัลเทอร่าจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและคลินิกหรือสถานพยาบาลที่เลือก ก่อนการทำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบข้อห้ามและคำแนะนำเฉพาะบุคคล และหลังการทำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลตัวเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความปลอดภัยของผิว

บทความ
โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย

โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย อยากหน้าเด็กแต่ไม่อยากเจ็บตัวเยอะใช่ไหม? โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย คือเคล็ดลับฮิตที่ช่วยล็อกอายุใบหน้าให้ดูสดใสภายในไม่กี่วัน ตัวยาโบทูลินัมท็อกซินจะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวเกร็ง ทำให้ริ้วเล็ก ๆ อย่างตีนกา หน้าผาก หรือร่องยิ้มจางลง ผิวดูฟูเรียบและเฟิร์มขึ้นทันตา ที่สำคัญคือใช้เวลาฉีดไม่นาน พักฟื้นน้อย เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการผลลัพธ์ไวแบบไม่สะดุดไลฟ์สไตล์ ที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ เราเลือกใช้โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย เกรดพรีเมียม

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด

กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด คำถามนี้ถูกค้นหามากขึ้นทุกปี กินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ถึงจะดูดซึมเต็มที่ ? เพราะคอลลาเจนไม่ใช่แค่เทรนด์สวยใส แต่เป็นโปรตีนสำคัญที่ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หากเลือกเวลากินถูกจุด ร่างกายจะนำไปซ่อมแซมผิว ข้อต่อ และเอ็นได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมอีกเท่าตัว บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาเจาะลึกช่วงเวลาทองในการกินคอลลาเจน บอกต่อยี่ห้อเด่นปี 2025 พร้อมเคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสที่ทำตามได้จริง คอลลาเจนยี่ห้อไหนดี 2025 ปี 2025

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG

รีวิว Long Pulse ND YAG เปิดประสบการณ์ใหม่กับ รีวิว Long Pulse ND YAG เลเซอร์เวอร์ชันอัปเกรดที่คนรักผิวและนักกำจัดขนตัวจริงแห่จองคิวกันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ ซึ่งนำเข้าเครื่องแท้ มาตรฐาน FDA USA ครบทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่เส้นเลือดฝอยจางหายไปจนถึงขนดกแข็งดื้อแค่ไหนก็เอาอยู่ บทความนี้จะพาเจาะลึกหลักการทำงาน ผลลัพธ์จริง และเคล็ดลับดูแลตัวเองหลังทำแบบละเอียดยิบ

Scroll to Top