oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง

oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง

oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง

oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง

เมื่อพูดถึงการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อเทคโนโลยี oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง ซึ่งเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ช่วยให้ผิวหน้าดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น ทั้งสองเทคโนโลยีนี้มีจุดเด่นและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน โดย Oligio ใช้คลื่น RF (Radio Frequency) ที่เน้นการยกกระชับผิวระดับตื้นถึงกลาง ในขณะที่ Ultraformer ใช้คลื่น HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งสามารถเข้าถึงชั้นผิวที่ลึกกว่า เช่น ชั้น SMAS ทำให้ผลลัพธ์การยกกระชับของ Ultraformer เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน บทความนี้ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ จะพาคุณมาทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองเทคโนโลยีนี้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้การรักษาที่ตรงกับความต้องการของผิวคุณมากที่สุด.

oligio กับ ultraformer

Oligio และ Ultraformer เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้คลื่นพลังงานสูงเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญบางประการ ดังนี้:

1. เทคโนโลยีและหลักการทำงาน

  • Oligio: ใช้เทคโนโลยี Radio Frequency (RF) หรือคลื่นวิทยุ ซึ่งสามารถเจาะลึกลงไปในชั้นผิวต่าง ๆ โดยใช้ความร้อนเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยยกกระชับผิว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยในระดับเบาถึงปานกลาง
  • Ultraformer: ใช้เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) หรืออัลตราซาวด์ที่มีพลังงานสูง โดยคลื่นเสียงนี้จะเน้นไปที่ชั้นผิวที่ลึกมาก (SMAS layer) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกหน้า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับในระดับลึกและเห็นผลการยกกระชับได้ชัดเจนกว่า

2. ระดับการยกกระชับและความลึกของพลังงาน

  • Oligio: สามารถเข้าถึงชั้นผิวได้ลึกในระดับที่พอเหมาะ เน้นการปรับโครงสร้างผิวในระดับตื้นและกลาง เหมาะกับการลดริ้วรอยและกระชับผิวหน้าแบบเบา ๆ ไม่เจ็บมากและใช้เวลาน้อยกว่า
  • Ultraformer: เจาะลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกมาก เหมาะสำหรับการยกกระชับใบหน้าในระดับที่ต้องการความเข้มข้นและผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

3. ระยะเวลาการเห็นผล

  • Oligio: เห็นผลเร็วกว่าเล็กน้อย เพราะเป็นการยกกระชับผิวในระดับตื้น ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงภายใน 1-2 สัปดาห์แรก
  • Ultraformer: การเห็นผลอาจใช้เวลามากขึ้น (ประมาณ 2-3 เดือน) แต่ผลลัพธ์ยาวนานกว่าและมีความคงทนมากขึ้น

4. ระดับความเจ็บ

  • Oligio: เจ็บน้อยกว่าหรือรู้สึกอุ่น ๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการทนเจ็บมากในการรักษา
  • Ultraformer: อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายมากกว่าบ้าง เนื่องจากการปล่อยพลังงานที่ลึกกว่า

ทั้งนี้ การเลือกใช้ Oligio หรือ Ultraformer ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการ

Oligio นิยมทำส่วนไหนบ้าง

Oligio นิยมทำส่วนไหนบ้าง

Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่นิยมใช้กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวมีความหย่อนคล้อยหรือเริ่มมีริ้วรอย โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำในบริเวณดังนี้:

1. ใบหน้าและแก้ม

  • ยกกระชับผิวหน้า ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย
  • แก้มและกรอบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูกระชับ มีกรอบหน้าที่ชัดเจน ลดความหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม

2. รอบดวงตา

  • ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา รวมถึงถุงใต้ตาและรอยตีนกา ทำให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

3. หน้าผากและระหว่างคิ้ว

  • หน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยขมวดคิ้ว และทำให้ผิวบริเวณหน้าผากดูเรียบเนียนขึ้น

4. คอและเหนียง

  • บริเวณลำคอ ช่วยให้ผิวบริเวณคอที่หย่อนคล้อยกระชับขึ้น ลดริ้วรอยที่มักเกิดขึ้นตามอายุ
  • ใต้คางหรือเหนียง ช่วยกระชับผิวบริเวณคาง ลดไขมันใต้คาง ทำให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น

5. มือ

  • ช่วยลดริ้วรอยและกระชับผิวบนมือ ทำให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น เนื่องจากมือเป็นส่วนที่แสดงสัญญาณอายุได้ง่าย

การทำ Oligio ในแต่ละบริเวณจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

oligio เจ็บไหม

oligio เจ็บไหม

การทำ Oligio โดยทั่วไปจะไม่เจ็บมาก เนื่องจากใช้เทคโนโลยี คลื่น Radio Frequency (RF) ซึ่งเป็นคลื่นความร้อนที่ไม่ลึกและไม่รุนแรงเท่ากับเทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างการทำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยปกติแล้วจะรู้สึกอุ่น ๆ หรือรู้สึกอุ่นที่ผิวเล็กน้อยในบริเวณที่ทำการรักษา

ในกรณีที่บางคนมีผิวที่บอบบางหรือตอบสนองต่อความร้อนได้ไว อาจรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องใช้ยาชา และระดับความเจ็บมักน้อยกว่าเทคโนโลยีที่เจาะลึกถึงชั้น SMAS อย่าง HIFU การใช้ Oligio จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการยกกระชับที่ไม่ต้องการทนเจ็บมากและไม่มีระยะเวลาพักฟื้น

Q&A oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง

Q : Oligio คืออะไร ?

A : Oligio เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ใช้คลื่น Radio Frequency (RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยลดริ้วรอย กระชับผิวที่หย่อนคล้อย และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนโดยไม่ต้องผ่าตัด

Q : Oligio เจ็บไหม?

A : การทำ Oligio ไม่เจ็บมาก โดยปกติจะรู้สึกอุ่น ๆ หรือระคายเคืองเล็กน้อยในบริเวณที่รักษา หากคุณมีผิวบอบบาง อาจรู้สึกตึง ๆ บ้าง แต่ไม่ต้องใช้ยาชาและไม่มีระยะพักฟื้น

Q : ผลลัพธ์ของ Oligio อยู่ได้นานแค่ไหน?

A : ผลลัพธ์ของ Oligio มักอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษา เช่น การใช้ครีมบำรุงและป้องกันแสงแด

สรุป oligio กับ ultraformer ต่างกันยังไง

Oligio และ Ultraformer ต่างกันที่เทคโนโลยีและระดับการยกกระชับผิว:
  • Oligio ใช้คลื่น Radio Frequency (RF) เน้นการยกกระชับผิวชั้นตื้นถึงชั้นกลาง เหมาะกับการลดริ้วรอยเล็กน้อยถึงปานกลาง รู้สึกอุ่น ๆ ระหว่างทำ เจ็บน้อย และไม่ต้องพักฟื้น

  • Ultraformer ใช้คลื่น High-Intensity Focused Ultrasound (HIFU) เจาะลึกถึงชั้น SMAS เหมาะสำหรับยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยมากและในระดับลึก อาจรู้สึกเจ็บกว่า แต่ผลลัพธ์ยาวนานและชัดเจนกว่า

บทความ
ทำ Ulthera แล้วจะเห็นผลลัพธ์เร็วแค่ไหน?

ทำ Ulthera แล้วจะเห็นผลลัพธ์เร็วแค่ไหน?

ทำ Ulthera แล้วจะเห็นผลลัพธ์เร็วแค่ไหน? Ulthera คือการรักษาผิวด้วยเทคโนโลยีอัลตราโซนิกที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึกของผิวหนัง ทำ Ulthera แล้วจะเห็นผลลัพธ์เร็วแค่ไหน? ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera มักไม่ปรากฏทันที แต่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไป ภายในช่วงเริ่มต้น อาจสังเกตเห็นการปรับปรุงเล็กน้อยในระยะ 1-2 เดือน และผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นมักจะเกิดขึ้นในช่วง 3-6 เดือนหลังการรักษา เนื่องจากกระบวนการฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนต้องใช้เวลาแต่ละบุคคลแตกต่างกัน ในบทความนี้เราจะมาสำรวจว่าผลลัพธ์ของ Ulthera เป็นอย่างไร และทำไมการรักษานี้จึงได้รับความนิยมในวงการเสริมความงามและฟื้นฟูผิวหนัง วันวาน

Ulthera ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ภายในเวลาไม่นาน

Ulthera ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ภายในเวลาไม่นาน

Ulthera ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ภายในเวลาไม่นาน Ulthera คือการรักษาด้วยเทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่ทันสมัย Ulthera ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ภายในเวลาไม่นาน ซึ่งออกแบบมาเพื่อยกระชับและยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด กระบวนการรักษานี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึก ส่งผลให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และกระชับมากขึ้น ภายในเวลาไม่นาน ผู้รับการรักษาสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ทั้งนี้ ความเหมาะสมและผลลัพธ์ของการรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล จึงแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม บุรีรัมย์ Ulthera Ulthera (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ultherapy) เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดซึ่งใช้พลังงานอัลตราซาวด์เจาะลึกลงไปในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าดูกระชับและยกกระชับมากขึ้น

การทำ Ulthera ในการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์

การทำ Ulthera ในการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์

การทำ Ulthera ในการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ Ulthera คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด การทำ Ulthera ในการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ที่ใช้พลังงานอัลตราซาวด์เจาะลึกสู่ชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ กระบวนการรักษานี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นภายในหลายเดือนหลังการรักษา ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ การรักษาด้วย Ulthera ได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนโดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดหรือมีเวลาพักฟื้นนาน อีกทั้งยังปลอดภัยและมีความแม่นยำในการทำงานตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล ก่อนทำการรักษา ผู้รับบริการควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมในการรักษา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและยกกระชับใบหน้าจึงสามารถกลับมามีความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองได้อย่างเต็มที่ วันวาน คลินิก Onewanclinic คลินิกความงาม