ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ? (Filler) รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนฉีด

ฟิลเลอร์ คืออะไร

ฉีดฟิลเลอร์เป็นการเติมสารลงใต้ผิวหนังเพื่อเพิ่มปริมาตร เรียบระดับ และกู้คืนความเต่งตึงของใบหน้า สารที่นิยมใช้มากที่สุดคือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของเรา

ฟิลเลอร์ คืออะไร ตามการศึกษาจากสถาบันวิจัยด้านความงามระหว่างประเทศ Hyaluronic Acid dermal filler ถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อลดการหดตัวของหน้าผาก ร่องแก้ม ปาก และลดเลือนริ้วรอยการแก่ชรา สารนี้มีความปลอดภัยสูง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และมีความเข้ากันได้ดีกับผิวหนัง

ลักษณะเฉพาะของ Hyaluronic Acid คือการเก็บน้ำได้เยี่ยม ซึ่งช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น และมีลักษณะยืดหยุ่น ลดเห็นริ้วรอย และให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยา

สารบัญ ฟิลเลอร์ คืออะไร

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นทำ

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นทำ
  1. ปรึกษาแพทย์
    ซักประวัติ ตรวจใบหน้า ประเมินปัญหา-โครงสร้าง และวางแผนตำแหน่ง/ปริมาณฟิลเลอร์อย่างเหมาะสม

  2. เลือกชนิดและ รุ่น ของฟิลเลอร์ให้เหมาะกับจุดฉีด
    แพทย์จะแนะนำยี่ห้อ/รุ่น และระยะเวลาคงผลที่เหมาะกับแต่ละบริเวณ

  3. ทำความสะอาดผิวหน้าในจุดที่จะฉีด
    เช็ดทำความสะอาดและเตรียมผิวแบบปลอดเชื้อ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

  4. ตรวจสอบยา—หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ต่อหน้า
    ดูฉลาก เลขล็อต วันหมดอายุ และซีล/สติ๊กเกอร์ความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจว่าเป็นของแท้

  5. ฉีดโดยแพทย์มากประสบการณ์ (ประมาณ 5–10 ปีขึ้นไป)
    ผู้ฉีดที่ชำนาญช่วยลดความเสี่ยงและปรับเทคนิคให้เข้ากับโครงหน้าแต่ละคน

  6. ลดความเจ็บก่อนฉีด
    ประคบน้ำแข็ง/ยาชาเฉพาะที่ตามดุลยพินิจแพทย์ (ฟิลเลอร์หลายรุ่นมีส่วนผสมของลิโดเคนในตัวอยู่แล้ว)

  7. ดูแลหลังฉีดทันที – แพทย์แนะนำวิธีปฏิบัติ
    เช่น หลีกเลี่ยงการกด-นวดบริเวณฉีดตามที่ระบุ งดความร้อนจัด/แอลกอฮอล์ระยะสั้น และแนวทางให้ฟิลเลอร์เข้าที่อยู่ได้นาน

  8. ติดตามผลหลังทำทุกเคส
    นัดตรวจประเมินผล แก้ไขจุดเล็กน้อย (ถ้าจำเป็น) และบันทึกข้อมูลรุ่น/ล็อตยาเพื่อความปลอดภัยในอนาคต

ฟิลเลอร์ฉีดส่วนไหนได้บ้าง

ฟิลเลอร์ฉีดส่วนไหนได้บ้าง

ฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถปรับปรุงได้ไม่เพียงแค่บริเวณเดียว แต่สามารถฉีดได้ที่หลายจุดของใบหน้าเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติและสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปริมาตร ลดเห็นริ้วรอย ยกแก้มหน้า หรือสร้างมิติของใบหน้าให้ดูมีทรงพรรณมากขึ้น

แต่ละพื้นที่ของใบหน้าต้องการการฉีดที่เข้าใจเรื่องสัดส่วนและศิลปะในการทำ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและไม่ดูเกินขัด ต่อไปนี้คือ 7 จุดหลักที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้:

7 จุดฉีดฟิลเลอร์สร้างมิติใหม่ให้ใบหน้า

1. ฟิลเลอร์หน้าผาก – ปรับหวเอง หน้ามีมิติ ลดริ้วรอยมน ทำให้หน้าผากเรียบลื่นและเต่งตึง

2. ฟิลเลอร์ขมับ – ใบหน้าหวาน ได้สัดส่วน เพิ่มปริมาตร

3. ฟิลเลอร์จมูก – เสริมจมูก ไม่ต้องผ่าตัด ปรับให้จมูกสูง ตรง และสัดส่วนกับใบหน้า

4. ฟิลเลอร์ใต้ตา – แก้ร่องแก้มใต้ตา ให้ดูสดใส ลดแถบดำใต้ตา บริเวณตาดูสว่างและอ่อนเยา

5. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม – สดริมรอยลึก ร่องแก้มติ่น ลดรอยหมองใจ ยกหน้าให้ดูสดชื่นและไม่ชรา

6. ฟิลเลอร์คาง – เสริมคาง หน้า V-shape สร้างเส้นสัดส่วนปาก ให้ใบหน้าดูพิณิต

7. ฟิลเลอร์ปาก – ปากสวยยุ่มชื่น อวมอม เพิ่มขนาดปาก ทำให้ปากเต่งตึง และดูเต็มไปด้วยชีวิต

ฟิลเลอร์หน้าผาก

หน้าผากเป็นพื้นที่ที่แสดงให้เห็นริ้วรอยการมีนิพจน์ได้ชัดเจน ฟิลเลอร์ฉีดในพื้นที่นี้ช่วยให้ลิ่มเพิ่มปริมาตร ลดเห็นริ้วรอยมน ทำให้ดูเรียบเนียนและเยาวชนมากขึ้น

ฟิลเลอร์จมูก

ฟิลเลอร์จมูก

ฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกเพื่อเพิ่มความสูง ปรับทรงโล่ง หรือทำให้จมูกดูตรงขึ้น นี่เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดอย่างปลอดภัยสำหรับการปรับปรุงรูปทรงจมูก

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ร่องแก้มเป็นพื้นที่ที่สำคัญในการสร้างมิติของใบหน้า ฉีดฟิลเลอร์ในพื้นที่นี้ช่วยยกแก้ม ลดเห็นริ้วรอยในบริเวณรอบปาก และให้ใบหน้าดูไม่เหนื่อยและชรา

ฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์คาง

ฉีดฟิลเลอร์ที่คางเพื่อให้คางดูกำหนดชัดเจนมากขึ้น ปรับปรุงสัดส่วนของใบหน้า และสร้างเส้นสัดส่วนด้านล่างของใบหน้าให้สวยงาม

ฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปาก

ฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มขนาดและปรับทรงปาก ทำให้ปากดูเต่งตึงและเต็มไปด้วยชีวิต ลดเห็นริ้วรอยรอบปาก และปรับปรุงรูปทรงปาก

ฟิลเลอร์ใต้ตา

พื้นที่ใต้ตาเป็นพื้นที่ที่ละเอียดอ่อน ฉีดฟิลเลอร์ในพื้นที่นี้ช่วยลดเห็นรอยแก่ ลดเห็นแถบดำใต้ตา และให้บริเวณตาดูสดชื่นและสว่าง

ฟิลเลอร์ขมับ

ฟิลเลอร์ขมับ

ฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกขมับขึ้น สร้างเส้นแบ่งของขมับให้ชัดเจน และเพิ่มมิติของบริเวณหน้า ทำให้ดูมีชีวิตชีวา และลดเห็นความลิ่มคล้อย

ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?

คำถามว่า ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม เป็นคำถามทั่วไปของผู้ที่สนใจการทำ ตามการศึกษาวิจัยจากสถาบันหลายแห่งระหว่างประเทศ Hyaluronic Acid dermal fillers ถือว่าปลอดภัยโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อให้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ที่ผ่านการรับรองและมีประสบการณ์

ผลข้างเคียงของฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่เป็นเรื่องชั่วคราวและอยู่ในระดับเบา ประกอบด้วย :

  • บวมและแดงในบริเวณฉีด
  • เจ็บปวด ตกแต่ง หรือ ความรู้สึกตึงในพื้นที่ที่ฉีด
  • เลือดออก หรือ กระดาษติดเจอะ (ลดลงภายใน 5-7 วัน)
  • เคืองและรู้สึกปวดลอบ
  • ความรู้สึกเจ็บหรือความออกน้อยทำให้กระหม่อมเซ

ผลข้างเคียงที่หนักหรือถาวรนั้นหายากมากโดยเฉพาะ และส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง หรือจากคนที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอ

ฟิลเลอร์แท้ดูยังไง ปลอดภัยไหม

การเลือกฟิลเลอร์แท้นั้นสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และผลลัพธ์ของการทำ หากเลือกฟิลเลอร์ปลอม อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม ก็จะมีอันตรายกับคนที่ฉีดได้

อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม

อันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
  • อักเสบติดเชื้อ : สารไม่ปลอดเชื้อทำให้เกิดแบคทีเรีย น้ำหนอง บวม อาจมีไข้สูง
  • เกิดอาการแพ้ เป็นผื่นคัน : สารแปลกปลอมเกิดปฏิกิริยาแพ้รุนแรง ตุ่มน้ำหนอง เคืองหลายไม่หายไป
  • อุดตันในเส้นเลือด เสี่ยงตาบอด: ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด เนื้อตาย อาจทำให้ตาบอด (ต้องรีบไปแพทย์ทันที)
  • บวมเป็นก้อน ไหลย้อย : เนื้อเยื่อเป็นจากปฏิกิริยาร่างกาย อาจค้างถาวร แก้ยาก
  • เนื้อตายพังผืด : เนื้อเยื่อตายแข็ง แผลถาวร เสียรูปลักษณ์อย่างรุนแรง

วิธีดูฟิลเลอร์แท้

วิธีตรวจสอบความแท้ของฟิลเลอร์ :

  • ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ : ฟิลเลอร์แท้จะมีบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีข้อมูลครบถ้วน หมายเลขซีรี่ส์ วันหมดอายุ และชื่อผู้ผลิต
  • ตรวจสอบลวดลายการพิมพ์ : ฟิลเลอร์แท้จะมีการพิมพ์ที่เรียบเนียนและชัดเจน โลโก้ของบริษัทที่ชัดเจน
  • ตรวจสอบหมายเลขซีรี่ส์ : สามารถตรวจสอบหมายเลขซีรี่ส์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัท
  • เลือกคลินิก : เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาต มีความเชี่ยวชาญ และใช้ฟิลเลอร์จากแหล่งที่เชื่อถือได้
  • ขอใบรับรอง : ขอให้คลินิกแสดงใบรับรองจากผู้ผลิต หรือใบรับรองอื่น ๆ ที่พิสูจน์ความแท้

รู้ก่อนฉีด ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ต่างกันยังไง

รู้ก่อนฉีด ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ต่างกันยังไง

ฟิลเลอร์ที่มีในตลาดมีหลายยี่ห้า แต่ละยี่ห้ามีลักษณะและความเหมาะสมต่างกัน การรู้ความแตกต่างจะช่วยให้คุณเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฟิลเลอร์ e.p.t.q

ยี่ห้อ : เกาหลี | ใช้ได้นาน : 6-12 เดือน

ฟิลเลอร์ E.P.T.Q มี 3 ระดับ เพื่อให้เลือกใช้ตามความต้องการ :

  • S100 : หน้าผาก ขมับร่องใต้ตา ริ้วรอยตื้นๆ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ปาก
  • S300 : หน้าผาก ขมับ แก้มตอบ ร่องแก้ม ปาก
  • S500 : ร่องลึกใต้ตา จมูก คาง แนวกระดูกกราม ลิฟต์หน้า

ฟิลเลอร์ hyafilia

ฟิลเลอร์ hyafilia

ยี่ห้อ : เกาหลี | ใช้ได้นาน : 8-12 เดือน

ฟิลเลอร์ Hyafilia มี 3 ระดับตามความหนา :

  • Hyafilia-S : ใต้ตา ระหว่างคิ้ว ริ้วรอบปาก ปาก
  • Hyafilia-M : หน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ปาก
  • Hyafilia-V : โหนกแก้ม คาง กรอบหน้า ยกกระชับใบหน้า

ฟิลเลอร์ juvederm

ยี่ห้อ : สหรัฐอเมริกา (FDA Approved) | ใช้ได้นาน : 8-24 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm มี 6 รุ่นเพื่อการใช้งานต่างกัน :

  • Ultra Plus XC : ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม
  • Voluma : ใต้ตา ร่องแก้ม คาง ขมับ (ใช้ได้นาน 18 เดือน)
  • Volift : ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก (ใช้ได้นาน 12 เดือน)
  • Volite : ใต้ตา (ใช้ได้นาน 8-12 เดือน)
  • Volbella : หน้าผาก (ใช้ได้นาน 12 เดือน)
  • Volux : คาง ใต้ตา ขมับ ร่องแก้ม (ใช้ได้นาน 18-24 เดือน)

ฟิลเลอร์ neuramis

ฟิลเลอร์ neuramis

ยี่ห้อ : เกาหลี | ใช้ได้นาน : 6-9 เดือน

ฟิลเลอร์ Neuramis มี 2 ระดับ :

  • Neuramis Deep : แก้มส้ม ปาก หน้าผาก ใต้ตา
  • Neuramis Volume : ร่องลึก ขมับ กรอบหน้า คาง

ฟิลเลอร์ restylane

ฟิลเลอร์ restylane

ยี่ห้อ : สวีเดน | ใช้ได้นาน : 8-12 เดือน

ฟิลเลอร์ Restylane มี 4 รุ่น :

  • Lyft : ลิฟต์หน้า โหนกแก้ม กรอบหน้า
  • Vital Light : ใต้ตา ริมฝีปาก เพิ่มความชุ่มชื้น
  • Volyme : แก้มตอบ ขมับ ร่องแก้ม หน้าแก้ม
  • Kysse : ปากโดยเฉพาะ

ฟิลเลอร์ yvoire

ฟิลเลอร์ yvoire

ยี่ห้อ : เกาหลี | ใช้ได้นาน : 8-12 เดือน

ฟิลเลอร์ Yvoire มี 3 ระดับ :

  • Classic : เพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาริ้วรอยเล็กๆ หัวคิ้ว ใต้ตา
  • Volume : ริมฝีปาก หน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ
  • Contour : โหนกแก้ม คาง และกรอบหน้า

ฟิลเลอร์ ultraV

ฟิลเลอร์ ultraV

ยี่ห้อ : เกาหลี | ใช้ได้นาน : 6-12 เดือน

ฟิลเลอร์ Ultra V มี 3 ระดับตามความหนา :

  • Hyal Fine : ใต้ตา เนื้อปาก ร่องแก้ม
  • Hyal Medium : หน้าผาก หน้าแก้ม ร่องแก้ม ปาก
  • Hyal Hard : ขมับ หน้าผาก แก้ม กรอบหน้า คาง

แต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ?

แต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ?

ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ เป้าหมายของการฉีด และคำแนะนำของแพทย์ ต่อไปนี้คือปริมาณอ้างอิงทั่วไปสำหรับแต่ละตำแหน่ง

  • ขมับ: 2–4 cc

  • หน้าผาก: 3–5 cc

  • แก้มส้ม : 1–2 cc

  • ใต้ตา : 1–3 cc

  • ร่องแก้ม : 1–3 cc

  • ปาก : 1–2 cc

  • คาง : 1–2 cc

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์นั้นต้องผ่านหลายขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ต่อไปนี้คือขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นมาตรฐาน:

1. ปรึกษาแพทย์ ประเมินสภาพผิวและคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม พูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายและความคาดหวัง ตรวจสอบประวัติการแพ้และสุขภาพทั่วไป

2. ทำความสะอาดผิว ล้างบริเวณที่จะฉีดให้สะอาดด้วยผ้าหรือแอลกอฮอล์ ทำการปราศจากแบคทีเรียและไขมันเพื่อการฉีดที่ปลอดภัย

3. แปะยาชา ใช้สารลดความเจ็บปวดเฉพาะที่ หรือการแปะยาชาเพื่อให้บริเวณที่ฉีดไม่รู้สึกเจ็บปวด ทำให้ประสบการณ์การฉีดสบายขึ้น

4. ฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ใช้เข็มขนาดเล็กหรือ Cannula (หลอดยาง) ในการฉีดฟิลเลอร์ลงใต้ผิวหนังตามแผนการรักษา นวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายเท่าๆ กัน

5. ประคบผิว ใช้น้ำแข็งเพื่อลดการบวมและการอักเสบ ให้คำแนะนำในการดูแลหลังการฉีด ติดตามผลการฉีด

ฉีดฟิลเลอร์ ใช้เวลากี่วันกว่าจะเห็นผลชัด

  • 24-48 ชั่วโมง (1-2 วัน) : เห็นผลเบื้องต้น แต่มีบวมและแดง
  • 3-5 วัน : การบวมลดลง เห็นผลชัดเจนขึ้น
  • 1-2 สัปดาห์ : ผลเห็นได้ชัด ใบหน้าเต่งตึงและสมดุล
  • 2-4 สัปดาห์ : ผลลัพธ์เต็มที่ ฟิลเลอร์หลากลาย อย่างเต็มพิลัธน์

สำคัญ : ฝีมือแพทย์ ประเภทฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองจะส่งผลต่อระยะเวลาการเห็นผล

ราคาฉีด ฟิลเลอร์ วันวานคลินิกความงามบุรีรัมย์

ราคาฟิลเลอร์คาง
ราคาฟิลเลอร์ปาก

รวมฉีดฟิลเลอร์ รีวิวผลลัพธ์จริง ก่อน–หลังทำ

ผลการฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งที่หลายคนสงสัย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า ระดับความพึงพอใจ และความสามารถในการปรับปรุงลักษณ์ได้จริงหรือไม่

ในส่วนนี้ เราได้รวบรวมรีวิวผลการฉีดฟิลเลอร์จากผู้ใช้บริการจริง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนฉีด จนถึงหลังจากการรักษา นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาในการเห็นผล และประสบการณ์จริงจากผู้รับบริการ เพื่อให้คุณได้ทราบข้อมูลที่ชัดเจน และมีความมั่นใจในการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์

รีวิวฟิลเลอร์ปาก
รีวิวฟิลเลอร์คาง
รีวิวฟิลเลอร์ขมับ
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา

หลังฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ?

หลังฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ถึง 70-80% และจะเข้าที่อย่างเต็มที่ใน 2-3 สัปดาห์

ระยะเวลาการเห็นผลแบบละเอียด :

  • 24-48 ชั่วโมง : เห็นผลเบื้องต้น แต่มีบวมแดง
  • 4-5 วัน : บวมหายไป เห็นผลชัดเจนขึ้น
  • 1-2 สัปดาห์ : ผลลัพธ์ประมาณ 70-80% ของความพึงพอใจ
  • 2-3 สัปดาห์: ผลลัพธ์เต็มที่ 100% ฟิลเลอร์อย่างสมบูรณ์

หมายเหตุ : บวมอาจมี แต่จะค่อยๆ หายไป (4-5 วัน) ผลการฉีดจะดีขึ้นตามเวลา

ฉีดฟิลเลอร์ คลินิกไหนดี ? เช็กอย่างไรให้ปลอดภัย

การเลือกคลินิก เป็นขั้นตอนสำคัญในการรับ บริการฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ สิ่งที่ควรตรวจสอบ :

  • มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการแพทย์จากส่วนราชการที่ถูกต้อง
  • แพทย์มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ไม่น้อยกว่า 5-10 ปี
  • ใช้ฟิลเลอร์จากบริษัทหลักและได้รับการรับรอง
  • มี Certification หรือ Training Certificate จากสถาบันที่รับรอง
  • คลินิกมีเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์
  • มีการบันทึก Before & After ของผลการฉีดอย่างชัดเจน
  • มีนโยบายหลังการฉีดที่ชัดเจน และกำหนดการติดตามผล
  • มีการให้คำปรึกษาและอธิบายรายละเอียดโดยตรง

ฉีดฟิลเลอร์ ที่ Onewan Clinic ดีอย่างไร ?

ฉีดฟิลเลอร์ ที่ Onewan Clinic ดีอย่างไร ?
  • ตั้งอยู่ที่บุรีรัมย์ สะดวกสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่
  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและการฉีดฟิลเลอร์ที่มีประสบการณ์สูง
  • ใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อนำเข้าของแท้จากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเกาหลี
  • มีสาคราสาคราเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
  • สิ่งอำนวยความสะดวกสมบูรณ์และแนวทางการสนับสนุนหลังการฉีด
  • มีประวัติการจัดการที่ยิ่งใหญ่จากผู้ใช้บริการจำนวนมาก

รีวิวฉีดฉีดฟิลเลอร์จากผู้ใช้บริการจริงที่ onewan

รวมประสบการณ์ตรงจากคนไข้ของเรา ตั้งแต่ความประทับใจวันปรึกษา เทคนิคที่แพทย์เลือกใช้ ไปจนถึงผลลัพธ์หลังทำและการดูแลตัวเองจริง ๆ หลังฉีด แต่ละรีวิวจัดทำจากผู้ใช้บริการที่ให้ความยินยอม พร้อมภาพก่อน หลัง ทีมแพทย์ ONEWAN ดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ประเมิน ปรับแต่ง ไปจนถึงติดตามผล เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด.

Q&A รวมคำถาม ฟิลเลอร์ คืออะไร

Q : ฉีดฟิลเลอร์กับ Botox ต่างกันยังไง ? ควรใช้แบบไหนดี ?

A : ฉีดฟิลเลอร์และ Botox เป็นสองวิธีการต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าทั้งคู่ช่วยในการลดริ้วรอยและเพิ่มเยาวชนให้ใบหน้า Botox ทำงานโดยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า ป้องกันการเกิดริ้วรอยจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ในขณะที่ฟิลเลอร์เติมปริมาตรใต้ผิวหนัง เพิ่มความเต่งตึง และลดเห็นริ้วรอยที่ลึก ระยะเวลา Botox ประมาณ 3-4 เดือน ส่วนฟิลเลอร์ 6-12 เดือน การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับประเภทของปัญหาที่ต้องการปรับปรุง บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ทั้งสองแบบรวมกัน (Combination Treatment) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Q : ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่พอใจผลลัพธ์ หรือเกินขัด มีวิธีแก้ไขได้ไหม ?

A : ได้ครับ มีหลายวิธีในการแก้ไข ถ้าผลการฉีดเกินขัดหรือไม่สมดุล สามารถใช้ Hyaluronidase (enzyme) ซึ่งเป็นสารที่ยอยสลาย Hyaluronic Acid ได้ เข็มฉีด Hyaluronidase ลงในบริเวณที่มีปัญหา และฟิลเลอร์จะค่อยๆ ลดลง ในอีก 24-48 ชั่วโมง ผลการฉีดจะลดลงให้เหลือเพียงที่ต้องการ นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถฉีดซ้ำหรือปรับแต่งเพิ่มเติมให้ดูสมดุลได้ อีกวิธีหนึ่งคือรอให้ฟิลเลอร์ย่อยสลายตามธรรมชาติ ซึ่งใช้เวลา 6-12 เดือน แล้วฉีดใหม่อีกครั้งตามต้องการ

Q : ฉีดฟิลเลอร์ กับ ฉีดคอลลาเจน ต่างกันยังไง? ควรเลือกแบบไหน ?

A : ฉีดฟิลเลอร์และฉีดคอลลาเจนเป็นการรักษาที่แตกต่างกัน แม้ว่าทั้งคู่อยู่ในหมวดเดียวกัน (Soft Tissue Augmentation) ฉีดฟิลเลอร์นั้นใช้ Hyaluronic Acid หรือสารอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติเก็บน้ำได้ดี ผลการฉีดเห็นทันที และมีความเสถียรสูง ส่วนฉีดคอลลาเจนนั้นใช้โปรตีนจริง (Collagen) ที่ช่วยเพิ่มการสนับสนุนและความยืดหยุ่นของผิว อย่างไรก็ตาม คอลลาเจนอาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ได้ง่ายกว่า เพราะเป็นโปรตีนที่มาจากสัตว์ ปัจจุบัน ฉีดฟิลเลอร์เป็นที่นิยมมากกว่า เพราะมีความปลอดภัยสูง คุณลักษณะการย่อยสลายตามธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ดี การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และคำแนะนำของแพทย์

Q : ผู้ที่ได้รับการฉีด Filler ครั้งแรก ควรตรวจสอบอะไรก่อนการฉีด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ?

A : การเตรียมตัวอย่างถูกต้องนั้นสำคัญมากสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก โปรดตรวจสอบรายการต่อไปนี้ :

ก่อนการฉีด :

  • บอกแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยาทั้งหมด โดยเฉพาะ Lidocaine หรือสารอื่นๆ
  • แจ้งถึงโรคที่มี โดยเฉพาะโรคเลือด โรคหัวใจ หรือโรคอักเสบเรื้อรัง
  • บอกว่ากำลังใช้ยาอะไร โดยเฉพาะยาลดเลือด (Blood Thinner) เช่น Warfarin หรือ Aspirin
  • บอกถึงการใช้ Supplement เช่น Vitamin E หรือ Omega-3 ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเลือดออก
  • อย่ากินแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ อย่างน้อย 3-5 วันก่อนการฉีด
  • นอนหลับให้พอเพียง (7-8 ชั่วโมง) และหลีกเลี่ยงความเหนื่อยล้า

ระหว่างการปรึกษา :

  • ถ่ายภาพ Before Picture เพื่อใช้เป็นเอกสารเปรียบเทียบ
  • อภิปรายถึงผลลัพธ์ที่ต้องการให้ชัดเจน
  • ขอดูผลการฉีด Before & After ของคลินิก

Q : การฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงของการฉีดผิดตำแหน่ง หรือเข้าเส้นเลือด ได้ไหม? จะป้องกันได้อย่างไร ?

A : ใช่ มีความเสี่ยงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฉีดในบริเวณที่มีเส้นเลือดหนาแน่น เช่น บริเวณจมูก ร่องแก้ม และใต้ตา หากฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด อาจทำให้เกิดสภาวะ Vascular Occlusion ซึ่งอาจนำไปสู่พังผืดได้

วิธีป้องกันความเสี่ยง :

  • เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง และผ่านการฝึกอบรมเพิ่มเติมเรื่องการฉีดฟิลเลอร์
  • ใช้เทคนิค Cannula (หลอดยาง) แทนเข็มปกติ เพราะลดความเสี่ยงในการเจาะเส้นเลือด
  • ใช้เครื่องมือ Ultrasound Guide เพื่อมองเห็นเส้นเลือดและปลีกหลวงให้ชัดเจน
  • แพทย์ต้องเข้าใจสมองกายวิทยาของใบหน้า และตำแหน่งของเส้นเลือดสำคัญ
  • ใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และฉีดด้วยความเชื่อมั่นแบบค่อยเป็นค่อยไป

สรุปเรื่องฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ เป็นวิธีการปรับปรุงลักษณ์ของใบหน้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การฉีดฟิลเลอร์ช่วยลดเห็นริ้วรอย เพิ่มปริมาตร ยกแก้มหน้า และให้ใบหน้าดูเยาวชนและสดชื่นมากขึ้น

ความสำคัญของการเลือกคลินิก แพทย์ และฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการรู้ทำเข้าใจขั้นตอนและข้อระวังหลังการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย

ที่ Onewan Clinic คลินิกความงามบุรีรัมย์ พวกเราเตรียมพร้อมให้บริการ ฉีดฟิลเลอร์ ด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ฟิลเลอร์ยี่ห้อแท้ และเอาใจใส่ในการดูแลผู้ใช้บริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ หากคุณสนใจฉีดฟิลเลอร์ เชิญติดต่อเราเพื่อปรึกษาแนะนำเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

Scroll to Top