ฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร ? Botox ข้อควรรู้ คู่มือก่อนฉีด

ฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร ข้อควรรู้ คู่มือก่อนฉีด

การดูแลผิวพรรณและรักษารูปลักษณ์ให้ดูอ่อนเยาว์เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการฉีดโบท็อก (Botox) ที่กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมสำหรับการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า แต่ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก คุณควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าโบท็อกคืออะไร ทำงานอย่างไร ปลอดภัยแค่ไหน และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโบท็อกซ์อย่างละเอียดครบถ้วน ด้วยข้อมูลที่มาจากงานวิจัยทางการแพทย์และแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนการตัดสินใจ

สารบัญ ฉีดโบท็อก คืออะไร

ฉีดโบท็อก คืออะไร ?

โบท็อก (Botox) หรือชื่อเต็มว่า Botulinum Toxin Type A เป็นสารโปรตีนที่ผลิตจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งในทางการแพทย์ได้นำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาและปรับปรุงรูปลักษณ์มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว

ปัจจุบัน โบท็อกซ์ไม่ได้ใช้เฉพาะด้านความงามเท่านั้น แต่ยังมีการใช้รักษาโรคต่างๆ มากกว่า 20 โรค รวมถึงอาการไมเกรนเรื้อรัง กล้ามเนื้อกระตุกผิดปกติ การเหงื่อออกมากผิดปกติ และกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ

ขั้นตอนการทำงานของโบท็อก Botulinum Toxin Type A

ขั้นตอนการทำงานของ โบท็อกซ์

เมื่อโบท็อกถูกฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ จะเริ่มต้นกระบวนการทำงานโดยจับกับตัวรับ (Receptor) บนผิวของเซลล์ประสาท โดยเฉพาะที่ปลายเส้นประสาทซึ่งควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าโดยตรง หลังจากนั้นโบท็อกจะถูกดึงเข้าไปในเซลล์ประสาทผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Endocytosis

ภายในเซลล์ประสาท ส่วนที่เป็น Light Chain ของโบท็อกจะทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ที่ตัดโปรตีน SNAP-25 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ SNARE complex ที่จำเป็นต่อการปล่อยสารสื่อประสาท เมื่อ SNAP-25 ถูกตัดแล้ว กระบวนการปล่อยสารอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) จากปลายเส้นประสาทจะถูกยับยั้ง ทำให้สัญญาณประสาทไม่สามารถส่งผ่านไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้

ผลลัพธ์สุดท้ายคือกล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีดจะผ่อนคลายและไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยบนผิวหน้าที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อค่อยๆ จางลงหรือหายไป

เปรียบเทียบ ก่อนและหลังฉีดโบท็อก

ก่อนฉีดโบท็อก

  • ประสาทปล่อยสารสื่อประสาท Acetylcholine ได้ตามปกติ
  • สัญญาณประสาทส่งผ่านไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่
  • กล้ามเนื้อหดตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดริ้วรอยชัดเจน
  • ยิ่งใช้กล้ามเนื้อบ่อย ริ้วรอยก็ยิ่งลึกมากขึ้น

หลังฉีดโบท็อก

  • การปล่อยสาร Acetylcholine ถูกยับยั้ง
  • สัญญาณประสาทไม่สามารถส่งผ่านไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้
  • กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว
  • ริ้วรอยบนผิวหน้าจึงจางลงหรือหายไป

ฉีดโบท็อก ดีไหม ? คุ้มไหมเมื่อเทียบผลลัพธ์

ข้อดีของการฉีดโบท็อก

  • ไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกเป็นวิธีการรักษาแบบไม่รุกราน (Non-invasive) ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที
  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ จะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ ยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้ตามปกติ
  • ความปลอดภัยสูง โบท็อกได้รับการรับรองจาก FDA และมีการใช้งานมากว่า 30 ปี มีฐานข้อมูลด้านความปลอดภัยที่กว้างขวาง
  • หลากหลายประโยชน์ นอกจากการลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยปรับรูปหน้า เช่น ยกหาง ตา ทำหน้าเรียว ลดกราม รักษาอาการทางการแพทย์ เช่น ไมเกรน เหงื่อออกมาก

ความคุ้มค่าในระยะยาว

  • การฉีดโบท็อกเป็นประจำทุก 3-4 เดือนอาจดูแพงในระยะสั้น แต่เมื่อเทียบกับการผ่าตัดดึงหน้าหรือวิธีการอื่นๆ ถือว่ามีความคุ้มค่า
  • ผู้ที่ฉีดโบท็อกเป็นประจำมักพบว่าผลของการรักษาจะยาวนานขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความถี่ในการรักษาลดลง
  • ต้นทุนต่อ Quality-Adjusted Life Year (QALY) อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เมื่อเทียบกับหัตถการทางการแพทย์อื่นๆ
ฉีดโบท็อกหน้า

รวมจุด ฉีดโบท็อก ตรงจุดไหน ช่วยอะไรบ้าง ? ผลลัพธ์แต่ละตำแหน่ง

รวมจุด ฉีดโบท็อก ตรงจุดไหน ช่วยอะไรบ้าง

โบท็อกซ์ไม่ใช่เพียงแค่วิธีการลดริ้วรอยทั่ว ๆ ไป แต่เป็นศิลปะของการทำให้ใบหน้าดูสมดุลและเรียบสวยตามธรรมชาติ โดยการฉีด Botox ในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยแก้ปัญหาความเป็นรอยต่าง ๆ บนใบหน้า

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แพทย์ผู้ทำต้องเข้าใจ กายวิภาคของใบหน้า (Facial anatomy) อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ลดริ้วรอย แต่ยังช่วยยกหน้า ปรับรูปร่างใบหน้า และให้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ

เราจะอธิบาย จุดฉีด Botox ที่สำคัญต่าง ๆ ว่า :

  • ตรงจุดไหนของใบหน้า ?
  • ช่วยแก้ปัญหาอะไร ?
  • ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ?
  • และการดูแลหลังฉีดควรเป็นเช่นไร ?

เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถตัดสินใจได้ว่าจะฉีด Botox ตรงจุดไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการมากที่สุด

จุดฉีดโบท็อกบริเวณใบหน้า

จุดฉีดโบท็อกบริเวณใบหน้า
  • ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว – ลดรอยขมวดคิ้ว
  • รักษาไมเกรน – รักษาอาการไมเกรนเรื้อรัง
  • ลดริ้วรอยหน้าผาก – ลดริ้วรอยแนวนอนบนหน้าผาก
  • ลดริ้วรอยตีนกา – ลดริ้วรอยรอบดวงตา 
  • รัดแกนจมูกให้คมขึ้น – ทำให้จมูกดูสวย
  • ลดกรามปรับหน้าเรียว – ทำหน้าเรียว ลดกราม
  • ลดโหนกแก้ม – ลดแก้มป่อง
  • ลดปีกจมูก – ลดรอยย่นข้างจมูก (Bunny Lines)
  • กระชับรูขุมขน – ให้ดูเรียบเนียน
  • ลิฟต์หน้า ลดริ้วรอยที่คอ – กระชับคอ ลดเส้นสายคอ

จุดฉีดโบท็อกแก้อาการต่าง ๆ

จุดฉีดโบท็อกแก้อาการต่าง ๆ
  • ลดเหงื่อใต้วงแขน ฝ่ามือ ฝ่าเท้า – รักษาอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ
  • ลดกล้ามแขน ขา – ลดน่อง/แขนให้เล็กลง

ฉีดโบท็อก แต่ละจุดใช้กี่ยูนิต

ฉีดโบท็อก แต่ละจุดใช้กี่ยูนิต

1. รั้วรอยหน้าผาก (Forehead Lines)

ยูนิต : 10-20 Unit

  • พื้นที่ด้านบนของหน้าผาก
  • ใช้ในการลดรอยตามขวางบนหน้าผาก

2. รอยตรงคิ้ว / ลิ่มคิ้ว (Between Eyebrows – Glabella)

ยูนิต : 20-30 Unit

  • พื้นที่ระหว่างคิ้วสองข้าง
  • ช่วยลดรอยยับจากการขมวดคิ้ว
  • เป็นพื้นที่ที่ใช้ยูนิตมากที่สุด

3. รอยยื่นระหว่างคิ้ว (Inner Brow)

ยูนิต : 10-20 Unit

  • พื้นที่ด้านในของคิ้ว
  • ช่วยยกคิ้วเล็กน้อย

4. รอยยืนจมูก (Bunny Lines – Nose Bridge)

ยูนิต : 5-15 Unit

  • รอยบนสะพานจมูก
  • เป็นพื้นที่ที่ใช้ยูนิตน้อยที่สุด

5. ลดกรรมหน้า (Masseter – Jaw Slimming)

ยูนิต : 40-80 Unit

  • กล้ามเนื้อบดเหนือซี่กรรม
  • ช่วยลดความกว้างของใบหน้า
  • เป็นพื้นที่ที่ใช้ยูนิตมากที่สุด

6. ริ้วรอยรอบปาก (Mouth Area)

ยูนิต : 20-30 Unit

  • ลดรอยรอบ ๆ ปาก
  • ช่วยป้องกันริ้วรอยจากการสูดบุหรี่

7. คอ (Neck)

ยูนิต : 20-30 Unit

  • ลดเส้นคอและเพื่อฟื้นฟูสกินคอ
  • ใช้สำหรับเอฟเฟกต์ยกคอ

8. ค้าง (Chin)

ยูนิต : 10-20 Unit

  • ลดความมัดของกล้ามเนื้อหน้าเหนือคาง
  • ช่วยสร้างรูปร่างใบหน้าที่นุ่มขึ้น

ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม ? เช็คข้อควรรู้ก่อนฉีด

ฉีดโบท็อก อันตรายไหม ?

ปัจจุบันนี้ โบท็อกซ์ (Botox) กลายเป็นวิธีการลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นได้ชัดเจน อีกทั้งไม่ต้องผ่าตัด ผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมากจึงหันมาพิจารณาทำ Botox เพื่อให้ใบหน้าดูเด็กกว่า เรียบกว่า

อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม ? และ มีผลข้างเคียงไหม ? – นี่เป็นข้อสงสัยที่สมควรและเป็นธรรมชาติ เพราะเราต้องการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเอง

ความจริงคือ โบท็อกซ์ถือว่าเป็นวิธีการที่ มีความปลอดภัยสูง เมื่อทำตามหลักวิธี และได้รับการอนุมัติจาก FDA มาตั้งแต่ปี 2545 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญ การเตรียมตัวก่อนฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด

อันตรายจากการฉีดโบท็อกปลอม

อันตรายจากการฉีดโบท็อกปลอม

1. ตัวยาแพร่กระจายผิดทาง

  • ยาไหลไปยังกล้ามเนื้ออื่น
  • ผลลัพธ์ : ตาตก ปากเบี่ยว ใบหน้าอ่อนแรง

2. ความไม่บริสุทธิ์

  • ตัวยาไม่บริสุทธิ์ เสี่ยงแพ้
  • ปัญหาหนักถึง : ติดเชื้อ การอักเสบ

3. ผลลัพธ์ไม่ตามคาด

  • ฉีดแล้วไม่เห็นผล
  • หรือผลออกมาไม่เป็นไปตามต้องการ

วิธีเช็คโบท็อกปลอม

1. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์

สำหรับ Botox (Allergan) :

  • มีกล่องสีเงินพร้อมโลโก้ Allergan และ AbbVie
  • ขวดแก้วสีใส มีฝาปิดสีม่วง
  • มีฉลากข้อมูลครบถ้วน ระบุ lot number และ expiration date
  • มี hologram สติกเกอร์ป้องกันการปลอมแปลง
  • ใน package มีเอกสารประกอบ (package insert)

สำหรับยี่ห้ออื่นๆ เช่น Dysport, Xeomin :

  • แต่ละยี่ห้อมี packaging ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ตรวจสอบเว็บไซต์ทางการของผู้ผลิตเพื่อดูตัวอย่าง packaging ที่ถูกต้อง

2. ตรวจสอบแหล่งที่มาและการจัดเก็บ

  • ยาโบท็อกต้องจัดเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8°C (ยกเว้น Xeomin ที่สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้)
  • ต้องมีการบันทึกการรับและจัดเก็บอย่างเป็นระบบ
  • คลินิกที่ถูกต้องควรสามารถแสดงเอกสารการสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตได้

3. ตรวจสอบข้อมูลบนฉลาก

ข้อมูลที่ควรมี :

  • ชื่อยา และชื่อสามัญ (เช่น Botox – onabotulinumtoxinA)
  • ความแรง (จำนวน units)
  • Lot number
  • วันผลิตและวันหมดอายุ
  • ชื่อผู้ผลิต
  • เลขทะเบียนยา

4. สังเกตลักษณะของยาหลังผสม

โบท็อกที่ถูกต้อง :

  • ก่อนผสม : เป็นผงสีขาวแห้งในขวดแก้ว
  • หลังผสมกับ normal saline : ใส ไม่มีตะกอน ไม่มีสี
  • ถ้าพบสี มีตะกอน หรือขุ่น แสดงว่าอาจมีปัญหา

ฉีด Botox ยี่ห้อไหนดี? แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์หลายยี่ห้อที่ได้รับการรับรองและมีการใช้แพร่หลาย แต่ละยี่ห้อมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน

ยี่ห้อโบท็อกที่ได้รับการรับรองจาก FDA

1. Botox (OnabotulinumtoxinA) – Allergan/AbbVie

  • ประวัติ: เป็นยี่ห้อแรกและมีชื่อเสียงมากที่สุด ได้รับอนุมัติจาก FDA ตั้งแต่ปี 1989
  • ข้อดี:
    • มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด
    • ได้รับการอนุมัติใช้ในหลายรัฐแห่งทางการแพทย์และความงาม
    • มีความแม่นยำในการกำหนดผล
    • การแพร่กระจายน้อยถึงปานกลาง เหมาะกับการฉีดจุดเล็กๆ
  • ระยะเวลา: 3-4 เดือน โดยเฉลี่ย 4.14 เดือน (17.99 สัปดาห์) ตามงานวิจัยในปี 2018
  • เวลาเห็นผล: 4-7 วัน
  • เหมาะกับ: บริเวณที่ต้องการความแม่นยำ เช่น รอยยิ้ม หน้าผาก ระหว่างคิ้ว

2. Dysport (AbobotulinumtoxinA) – Ipsen/Galderma

  • ประวัติ: ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2009
  • ข้อดี:
    • แพร่กระจายมากกว่า Botox เหมาะกับพื้นที่กว้าง
    • เห็นผลเร็วกว่า Botox
    • ให้ผลที่ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
  • ข้อควรระวัง:
    • อาจมี albumin และ cow’s milk protein ผู้แพ้ควรเลี่ยง
    • การแพร่กระจายมากอาจทำให้ต้องระมัดระวังในการฉีดใกล้ดวงตา
  • ระยะเวลา: 3-4 เดือน โดยเฉลี่ย 3.87 เดือน (16.8 สัปดาห์)
  • เวลาเห็นผล: 2-4 วัน
  • เหมาะกับ: พื้นที่กว้างเช่นหน้าผาก หรือผู้ที่ต้องการผลเร็ว
  • Conversion ratio: ใช้ประมาณ 2.5-3 เท่าของ Botox (1 unit Botox ≈ 2.5-3 units Dysport)

3. Xeomin (IncobotulinumtoxinA) – Merz Pharmaceuticals

  • ประวัติ: ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2010
  • ข้อดี:
    • ไม่มี complexing proteins (“naked” toxin) ลดความเสี่ยงการเกิดภูมิต้านทาน
    • ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น สะดวกในการจัดเก็บ
    • เหมาะกับผู้ที่เคยมีปัญหา Botox resistance
    • ลดความเสี่ยงการแพ้
  • ระยะเวลา: 3-4 เดือน โดยเฉลี่ย 4.42 เดือน (19.2 สัปดาห์)
  • เวลาเห็นผล: 3-7 วัน
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงการเกิดภูมิต้านทาน หรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • Conversion ratio: 1:1 กับ Botox

4. Daxxify (DaxibotulinumtoxinA-lanm) – Revance Therapeutics

  • ประวัติ: เป็นยี่ห้อใหม่ล่าสุด ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2022
  • ข้อดี:
    • อยู่ได้นานที่สุด
    • สูตรพิเศษที่ช่วยให้ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดีกว่า
  • ระยะเวลา: 6-9 เดือน ยาวนานกว่ายี่ห้ออื่นประมาณ 2 เท่า
  • เวลาเห็นผล: 1-2 วัน (เร็วที่สุด)
  • ข้อจำกัด: ราคาอาจสูงกว่า และยังไม่มีการใช้แพร่หลายเท่ายี่ห้ออื่น
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการผลที่ยาวนาน ไม่อยากฉีดบ่อย

5. Jeuveau (PrabotulinumtoxinA-xvfs) – Evolus

  • ประวัติ: ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2019 เรียกว่า “#NEWTOX”
  • ข้อดี:
    • ราคาอาจถูกกว่า Botox เล็กน้อย
    • เห็นผลค่อนข้างเร็ว
    • คุณภาพใกล้เคียง Botox
  • ระยะเวลา: 3-4 เดือน คล้ายกับ Botox
  • เวลาเห็นผล: 3-5 วัน
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น

6. ยี่ห้ออื่นๆ ที่มีในเอเชีย

  • Nabota (เกาหลีใต้): นิยมใช้ในเกาหลีและเอเชีย
  • Neuronox (เกาหลีใต้): เป็นที่นิยมในเกาหลีใต้
  • Aestox (เกาหลีใต้): อีกหนึ่งตัวเลือกจากเกาหลี

โบท็อกซ์ ราคาแพงไหม ฉีดโบท็อก บุรีรัมย์ ราคาแต่ละจุดเท่าไหร่

โปรโมชั่นโบท็อก วันวาน คลินิกความงามบุรีรัมย์

รวมฉีดโบท็อก รีวิวผลลัพธ์จริง ก่อน–หลังทำ

รวมภาพจากลูกค้าที่ วันวานคลินิกความงามบุรีรัมย์ ที่ใช้บริการจริง ก่อน–หลังทำ โบท็อกซ์ ที่คลินิกความงามบุรีรัมย์ เราเข้าใจความกังวลเหล่านี้อย่างดี จึงเก็บรวบรวมข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับ Botox รวมถึง รีวิวผลลัพธ์จริงจากลูกค้าของเรา ด้วยรูปภาพก่อน-หลังที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

รีวิวโบท็อกริ้วรอย ลูกค้า
รีวิวโบท็อกริ้วรอย ลูกค้า
รีวิวโบท็อกกราม
รีวิวโบท็อกริ้วรอย ลูกค้า

ฉีดโบท็อก ต้องเตรียมตัวยังไง? หลังฉีดดูแลอย่างไร

การฉีดโบท็อกซ์เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันและปรับปรุงริ้วรอยที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามสูงสุด และลดความเสี่ยงจากปัญหาข้างเคียง การเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวอย่างถูกต้องหลังฉีดนั้นมีความสำคัญเท่ากับการเลือกแพทย์

ก่อนฉีดโบท็อกควรเตรียมตัวอย่างไร ?

  1. เลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ – ปรึกษาหารือและหารือผู้เชี่ยวชาญ
  1. ควรรับการให้คำปรึกษาที่ชี้แจงอย่างเพียงพอและวิธีดูแลเอยเอิง – ความพร้อมจากการเก็บข้อมูลและวิธีวิจัดแล้วเอิงหลังผ่าตัด
  1. ศึกษาข้อมูลอุมสเตียวกับวิธีการฉีดโบท็อกซ์ – ผลลัพธ์ที่คาดหวังและความเสี่ยงอื่นๆ
  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ การสูมล่าความปลอดภัยและวิธีดูแลเอง – ปรึกษาหารือหรือหารือเพิ่มเติม
  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ – วางแผนการใช้จ่ายทั้งหมดในการฉีดโบท็อกซ์
  1. ควรรับการให้คำปรึกษา และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการท่อนคิดลั่ง – วางแผนการฉีดโบท็อกซ์อย่างเหมาะสม

วิธีการดูแลตัวเอง หลังการฉีดโบท็อกซ์

วิธีการดูแลตัวเอง หลังการฉีดโบท็อกซ์

สิ่งที่ควรทำ

  1. ควรรับยาบ้าการกำจัดรวมเนื้อในบริเวณที่ฉีดคนที่ 1-2 ครั้ง – บำรุงรักษาอ่อนๆ ในบริเวณได้รับการฉีด
  2. ควรรักษาอาหารที่มี แรงชดสร้างสี – ดูแลให้ผิวสะอาดและมีน้ำมัน

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง 

  1. จดนอนราบ นอนคว่ำ และกำมหัวด้านข้างอ้าวอ 3 ชั่วโมง – หลีกเลี่ยงการนอนท่าต่างๆ
  2. หลีกเลี่ยงความร้อน และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง – หลีกเลี่ยงความร้อนและการบริหารกำลังกาย
  3. งดอาหารระดัดและอาหารหมักดอง – หลีกเลี่ยงการกระเทือนหรือระคายเคืองพื้นผิว
  4. งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และสุรา

หลังฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ?

วันที่ 1-2: ช่วงเริ่มต้น

  • ยังไม่เห็นผลการรักษา
  • อาจมีรอยช้ำ บวมเล็กน้อย หรือความรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
  • อาการเหล่านี้เป็นปกติและจะดีขึ้น

วันที่ 3-4: เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

  • บางคนเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย
  • Dysport และ Daxxify มักเริ่มเห็นผลในช่วงนี้
  • ผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแอกว่าอาจเห็นผลเร็วกว่า

วันที่ 5-7: เห็นผลเริ่มชัดเจน

  • Botox และ Xeomin มักเริ่มเห็นผลชัดในช่วงนี้
  • ริ้วรอยเริ่มจางลง
  • กล้ามเนื้อผ่อนคลายมากขึ้น
  • สามารถเห็นความแตกต่างเมื่อแสดงอารมณ์

วันที่ 10-14: ผลเต็มที่ (Peak Effect)

  • นี่คือจุดที่ควรนัดประเมินผลกับแพทย์
  • ผลสมบูรณ์ที่สุด
  • ริ้วรอยลดลงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  • ถ้าต้องการปรับแต่งหรือเพิ่มยา ควรทำในจุดนี้

ฉีดโบท็อก คลินิกไหนดี ? เช็กอย่างไรให้ปลอดภัย

1. ตรวจสอบใบอนุญาต

ใบอนุญาตสถานพยาบาล

  • คลินิกต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
  • แสดงอย่างเปิดเผยในที่เห็นได้ชัด
  • ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข

2. ประเมินมาตรฐานของคลินิก

ความสะอาดและการจัดการสุขอนามัย

  • สถานที่สะอาด เป็นระเบียบ
  • มีระบบการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม
  • ใช้อุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
  • แพทย์และพยาบาลสวมถุงมือปลอดเชื้อ

3. บริการและการสื่อสาร

การให้คำปรึกษา

  • มีการปรึกษาก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
  • แพทย์ฟังความต้องการและตอบคำถามอย่างละเอียด
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงไปตรงมา รวมถึงข้อจำกัดและความเสี่ยง
  • ไม่ชักจูงหรือกดดันให้ทำมากกว่าที่จำเป็น

4. ชื่อเสียงและรีวิว

รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง

  • ค้นหารีวิวจากหลายแหล่ง
  • ระวังรีวิวปลอม ควรดูรีวิวที่มีรายละเอียดและดูเป็นธรรมชาติ
  • ให้ความสำคัญกับรีวิวที่พูดถึงความปลอดภัยและการบริการหลังการขาย

5. ตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์

ความเป็นของแท้

  • สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของยาได้
  • มีเอกสารใบสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • ระบบการเก็บรักษายาเป็นไปตามมาตรฐาน

ฉีดโบท็อก ที่ Onewan Clinic ดีอย่างไร ?

สำหรับคลินิกในพื้นที่บุรีรัมย์ Onewan Clinic เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรพิจารณา

จุดเด่นของ Onewan Clinic

1. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์

  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและโบท็อกที่มีประสบการณ์
  • มีความรู้และทักษะในการฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • มีการอบรมและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ

2. ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

  • ใช้โบท็อกของแท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองจาก FDA และ อย.
  • มีหลายยี่ห้อให้เลือก เช่น Botox, Dysport, Neuronox เป็นต้น
  • เก็บรักษายาตามมาตรฐาน มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม

3. มาตรฐานความปลอดภัย

  • คลินิกได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
  • ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
  • ใช้อุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

4. การบริการที่ครบวงจร

  • มีการให้คำปรึกษาก่อนการรักษาอย่างละเอียด
  • แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
  • มีการติดตามผลและนัดตรวจหลังการรักษา
  • พร้อมแก้ไขปัญหาหากเกิดข้อผิดพลาด

5. ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ

  • แสดงบรรจุภัณฑ์ของยาให้ลูกค้าตรวจสอบ
  • ระบุจำนวน units และราคาอย่างชัดเจน
  • ออกใบเสร็จและเอกสารการรักษาครบถ้วน

6. ราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า

  • ราคาเป็นธรรม ไม่แพงเกินไป
  • มีโปรโมชั่นพิเศษในบางช่วง
  • คุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย

7. ทำเลที่สะดวก

  • ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ สะดวกสำหรับผู้อยู่ในพื้นที่
  • ไม่ต้องเดินทางไกลถึงกรุงเทพฯ

8. รีวิวจากลูกค้าจริง

  • มีรีวิวเชิงบวกจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ
  • ลูกค้าพอใจในผลลัพธ์และการบริการ
  • มีลูกค้าประจำที่กลับมาใช้บริการซ้ำ

รีวิวฉีดโบท็อกจากผู้ใช้บริการจริงที่ Onewan Clinic

นอกจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจทำ Botox คือ ผลลัพธ์จริงจากคนที่เคยทำมาแล้ว และ ประสบการณ์ของเขา

ที่ Onewan Clinic บุรีรัมย์ เราภูมิใจที่ได้ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการจำนวนมากที่มาจากทั่วจังหวัดบุรีรัมย์และพื้นที่ใกล้เคียง หลายคนได้ประสบการณ์ที่ดีและพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด Botox ของเรา

ฉีดโบท็อก ใช้เวลากี่วันกว่าจะเห็นผลชัด

สัปดาห์ที่ 1 (วันที่ 1-7)

  • วันที่ 1-2: ยังไม่เห็นผล อาจมีรอยช้ำบวงเล็กน้อย
  • วันที่ 3-4: บางคนเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง (โดยเฉพาะ Dysport, Daxxify)
  • วันที่ 5-7: เริ่มเห็นผลชัดเจน กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ริ้วรอยเริ่มจาง

สัปดาห์ที่ 2 (วันที่ 8-14)

  • วันที่ 10-14: ผลสมบูรณ์ที่สุด
  • นี่คือจุดที่ควรนัดประเมินผลกับแพทย์
  • ถ้าต้องการปรับแต่งควรทำในช่วงนี้

สัปดาห์ที่ 3-4 และต่อไป

  • ผลคงอยู่และมั่นคง
  • ริ้วรอยลดลงชัดเจน
  • คุณชินกับลักษณะใหม่

เดือนที่ 3-4

  • ยาเริ่มหมดฤทธิ์ค่อยๆ
  • กล้ามเนื้อเริ่มทำงานได้มากขึ้น
  • ถึงเวลาที่ควรฉีดซ้ำ

Q&A รวมคำถามโบท็อก

รวมคำถามโบท็อก

Q : ความแตกต่างระหว่าง Botox กับ Filler ฟิลเลอร์ คืออะไร ?

A : Botox และ Filler เป็นวิธีการต่างกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองใช้ลดเลือนริ้วรอย :

Botox :

  • ลดริ้วรอย แบบไดนามิก (ริ้วที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ)
  • ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • ผลใช้เวลา 3-7 วัน
  • ใช้เวลา 3-4 เดือน

Filler :

  • เติมปริมาณที่หายไป (เช่น จากการสูญเสียคอลลาเจน)
  • ลดริ้วรอย “แบบสแตติก” (ริ้วที่มีอยู่แม้ว่าใบหน้าอยู่นิ่ง)
  • ผลทันทีหรือภายในสองสามวัน
  • ใช้เวลา 6-12 เดือน
  • มีส่วนประกอบหลัก คือ Hyaluronic acid หรือสารอื่น

บางครั้งแพทย์อาจใช้ทั้งสองวิธีรวมกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Q : ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนทำ Botox และหลังทำต้องดูแลอย่างไร ?

A : การเตรียมตัวและดูแลหลังการทำมีความสำคัญต่อผลลัพธ์:

ก่อนทำ (7-14 วันก่อน) :

  • หลีกเลี่ยงยา Aspirin, Ibuprofen, วิตามิน E, Ginseng (อาจทำให้บวมมากขึ้น)
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อน (อาจทำให้บวมและท้องถึง)
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • ล้างหน้าและนึ่งใบหน้าอบอุ่นเพื่อให้ผิวผ่อนคลาย

หลังทำ (24-48 ชั่วโมง) :

  • ไม่นวดหรือกด บริเวณฉีด (เพราะอาจทำให้สารเคลื่อนไปบริเวณอื่น)
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือบีบใบหน้า
  • ไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเคลื่อนไหวมาก
  • ไม่ควรหมวกหรือผ้าที่ขึ้นแน่นบริเวณหน้าผาก
  • หลีกเลี่ยงสนามแดด (ควรใส่ครีมกันแดด SPF 30+)

Q : โบท็อกซ์ลดริ้วรอยได้จริงไหม ? ใช้เวลานานแค่ไหน ?

A : ใช่ได้จริง Botox มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยแบบไดนามิก (Dynamic wrinkles) ซึ่งเป็นริ้วที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ริ้วลม ริ้วตรงหน้าผาก ริ้วมุมตา เนื้อที่พบว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดคือบริเวณหน้าผากและตรงระหว่างคิ้ว

ผลลัพธ์จะปรากฏภายในวัน 3-7 วัน แต่ผลสูงสุดจะเห็นได้ที่วันที่ 14 ผลจะคงอยู่เป็นระยะเวลา 3-4 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ต้องทำซ้ำหลังจากครบ 3-4 เดือน

Q : Botox เหมาะสำหรับกี่อายุ? ใครไม่ควรทำ ?

A : ทั่วไปแล้ว Botox มักใช้กับผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป เมื่อเริ่มมีริ้วรอยจากการขยับกล้ามเนื้อใบหน้า บางคนอาจเริ่มใช้ตั้งแต่อายุ 20 ปีสำหรับการป้องกัน (Preventive botox)

ผู้ที่ไม่ควรทำ Botox :

  • สตรีมีครรภ์ หรือให้นม
  • ผู้ที่มีภูมิแพ้ต่อสารใด ๆ ในสูตร
  • ผู้ที่มีโรคข้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (เช่น Myasthenia gravis)
  • ผู้ที่เป็นโรคเลือด หรือใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด

Q : ฉีดโบท็อกมากกว่า 1 บริเวณพร้อมกันได้ไหม ?

A : ได้ และเป็นสิ่งที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ลงตัว

ข้อดีของการฉีดหลายบริเวณพร้อมกัน :

  • ประหยัดเวลา : ไม่ต้องมาหลายครั้ง
  • ผลลัพธ์กลมกลืนกัน : ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุล
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย : บางคลินิกมีแพคเกจพิเศษ

บริเวณที่นิยมฉีดพร้อมกัน:

  • หน้าผาก + ระหว่างคิ้ว
  • รอยยิ้ม + ยกหางตา
  • กราม + มุมปาก

เอกสารอ้างอิง

  • U.S. Food and Drug Administration (FDA)
    • FDA Botox Approval and Safety Information
    • FDA Safety Communications on Botulinum Toxin Products
    • FDA Warning on Counterfeit Botulinum Toxin
    • https://www.fda.gov
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
    • Health Alert Network (HAN) Report on Counterfeit Botox (2024)
    • Botulism Surveillance and Information
    • https://www.cdc.gov
    • Dressler D, Bigalke H. “Botulinum toxin type B de novo therapy of cervical dystonia: frequency of antibody-induced therapy failure.” Journal of Neurology. 2005;252(8):904-907.
    • Rystedt A, Swartling C, Backlund P, Naver H. “Intradermal injection of botulinum toxin for axillary hyperhidrosis: a randomised, placebo-controlled, dose-escalation study.” Acta Dermato-Venereologica. 2008;88(5):462-469.
    • Shome D, Kapoor R, Nair AG, Khare S. “Conversion ratio between onabotulinumtoxinA (Botox), abobotulinumtoxinA (Dysport), and incobotulinumtoxinA (Xeomin) in clinical practice.” Journal of Skin and Aesthetic Surgery. 2016;9(3):132-141.
Scroll to Top