การดูแลผิวพรรณและรักษารูปลักษณ์ให้ดูอ่อนเยาว์เป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการฉีดโบท็อก (Botox) ที่กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมสำหรับการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า แต่ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อก คุณควรทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าโบท็อกคืออะไร ทำงานอย่างไร ปลอดภัยแค่ไหน และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโบท็อกซ์อย่างละเอียดครบถ้วน ด้วยข้อมูลที่มาจากงานวิจัยทางการแพทย์และแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนการตัดสินใจ
สารบัญ ฉีดโบท็อก คืออะไร
ฉีดโบท็อก คืออะไร ?
โบท็อก (Botox) หรือชื่อเต็มว่า Botulinum Toxin Type A เป็นสารโปรตีนที่ผลิตจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งในทางการแพทย์ได้นำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาและปรับปรุงรูปลักษณ์มายาวนานกว่า 30 ปีแล้ว
ปัจจุบัน โบท็อกซ์ไม่ได้ใช้เฉพาะด้านความงามเท่านั้น แต่ยังมีการใช้รักษาโรคต่างๆ มากกว่า 20 โรค รวมถึงอาการไมเกรนเรื้อรัง กล้ามเนื้อกระตุกผิดปกติ การเหงื่อออกมากผิดปกติ และกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ
ขั้นตอนการทำงานของโบท็อก Botulinum Toxin Type A
เมื่อโบท็อกถูกฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ จะเริ่มต้นกระบวนการทำงานโดยจับกับตัวรับ (Receptor) บนผิวของเซลล์ประสาท โดยเฉพาะที่ปลายเส้นประสาทซึ่งควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าโดยตรง หลังจากนั้นโบท็อกจะถูกดึงเข้าไปในเซลล์ประสาทผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Endocytosis
ภายในเซลล์ประสาท ส่วนที่เป็น Light Chain ของโบท็อกจะทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ที่ตัดโปรตีน SNAP-25 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ SNARE complex ที่จำเป็นต่อการปล่อยสารสื่อประสาท เมื่อ SNAP-25 ถูกตัดแล้ว กระบวนการปล่อยสารอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) จากปลายเส้นประสาทจะถูกยับยั้ง ทำให้สัญญาณประสาทไม่สามารถส่งผ่านไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้
ผลลัพธ์สุดท้ายคือกล้ามเนื้อที่ได้รับการฉีดจะผ่อนคลายและไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยบนผิวหน้าที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อค่อยๆ จางลงหรือหายไป
เปรียบเทียบ ก่อนและหลังฉีดโบท็อก
ก่อนฉีดโบท็อก
- ประสาทปล่อยสารสื่อประสาท Acetylcholine ได้ตามปกติ
- สัญญาณประสาทส่งผ่านไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่
- กล้ามเนื้อหดตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดริ้วรอยชัดเจน
- ยิ่งใช้กล้ามเนื้อบ่อย ริ้วรอยก็ยิ่งลึกมากขึ้น
หลังฉีดโบท็อก
- การปล่อยสาร Acetylcholine ถูกยับยั้ง
- สัญญาณประสาทไม่สามารถส่งผ่านไปกระตุ้นกล้ามเนื้อได้
- กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ไม่สามารถหดตัวได้ชั่วคราว
- ริ้วรอยบนผิวหน้าจึงจางลงหรือหายไป
ฉีดโบท็อก ดีไหม ? คุ้มไหมเมื่อเทียบผลลัพธ์
ข้อดีของการฉีดโบท็อก
- ไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกเป็นวิธีการรักษาแบบไม่รุกราน (Non-invasive) ใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที
- ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เมื่อฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ จะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ ยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้ตามปกติ
- ความปลอดภัยสูง โบท็อกได้รับการรับรองจาก FDA และมีการใช้งานมากว่า 30 ปี มีฐานข้อมูลด้านความปลอดภัยที่กว้างขวาง
- หลากหลายประโยชน์ นอกจากการลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยปรับรูปหน้า เช่น ยกหาง ตา ทำหน้าเรียว ลดกราม รักษาอาการทางการแพทย์ เช่น ไมเกรน เหงื่อออกมาก
ความคุ้มค่าในระยะยาว
- การฉีดโบท็อกเป็นประจำทุก 3-4 เดือนอาจดูแพงในระยะสั้น แต่เมื่อเทียบกับการผ่าตัดดึงหน้าหรือวิธีการอื่นๆ ถือว่ามีความคุ้มค่า
- ผู้ที่ฉีดโบท็อกเป็นประจำมักพบว่าผลของการรักษาจะยาวนานขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความถี่ในการรักษาลดลง
- ต้นทุนต่อ Quality-Adjusted Life Year (QALY) อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เมื่อเทียบกับหัตถการทางการแพทย์อื่นๆ
รวมจุด ฉีดโบท็อก ตรงจุดไหน ช่วยอะไรบ้าง ? ผลลัพธ์แต่ละตำแหน่ง
โบท็อกซ์ไม่ใช่เพียงแค่วิธีการลดริ้วรอยทั่ว ๆ ไป แต่เป็นศิลปะของการทำให้ใบหน้าดูสมดุลและเรียบสวยตามธรรมชาติ โดยการฉีด Botox ในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยแก้ปัญหาความเป็นรอยต่าง ๆ บนใบหน้า
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แพทย์ผู้ทำต้องเข้าใจ กายวิภาคของใบหน้า (Facial anatomy) อย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ลดริ้วรอย แต่ยังช่วยยกหน้า ปรับรูปร่างใบหน้า และให้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติ
เราจะอธิบาย จุดฉีด Botox ที่สำคัญต่าง ๆ ว่า :
- ตรงจุดไหนของใบหน้า ?
- ช่วยแก้ปัญหาอะไร ?
- ผลลัพธ์เป็นอย่างไร ?
- และการดูแลหลังฉีดควรเป็นเช่นไร ?
เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถตัดสินใจได้ว่าจะฉีด Botox ตรงจุดไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการมากที่สุด
จุดฉีดโบท็อกบริเวณใบหน้า
- ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว – ลดรอยขมวดคิ้ว
- รักษาไมเกรน – รักษาอาการไมเกรนเรื้อรัง
- ลดริ้วรอยหน้าผาก – ลดริ้วรอยแนวนอนบนหน้าผาก
- ลดริ้วรอยตีนกา – ลดริ้วรอยรอบดวงตา
- รัดแกนจมูกให้คมขึ้น – ทำให้จมูกดูสวย
- ลดกรามปรับหน้าเรียว – ทำหน้าเรียว ลดกราม
- ลดโหนกแก้ม – ลดแก้มป่อง
- ลดปีกจมูก – ลดรอยย่นข้างจมูก (Bunny Lines)
- กระชับรูขุมขน – ให้ดูเรียบเนียน
- ลิฟต์หน้า ลดริ้วรอยที่คอ – กระชับคอ ลดเส้นสายคอ
จุดฉีดโบท็อกแก้อาการต่าง ๆ
- ลดเหงื่อใต้วงแขน ฝ่ามือ ฝ่าเท้า – รักษาอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ
- ลดกล้ามแขน ขา – ลดน่อง/แขนให้เล็กลง
ฉีดโบท็อก แต่ละจุดใช้กี่ยูนิต
1. รั้วรอยหน้าผาก (Forehead Lines)
ยูนิต : 10-20 Unit
- พื้นที่ด้านบนของหน้าผาก
- ใช้ในการลดรอยตามขวางบนหน้าผาก
2. รอยตรงคิ้ว / ลิ่มคิ้ว (Between Eyebrows – Glabella)
ยูนิต : 20-30 Unit
- พื้นที่ระหว่างคิ้วสองข้าง
- ช่วยลดรอยยับจากการขมวดคิ้ว
- เป็นพื้นที่ที่ใช้ยูนิตมากที่สุด
3. รอยยื่นระหว่างคิ้ว (Inner Brow)
ยูนิต : 10-20 Unit
- พื้นที่ด้านในของคิ้ว
- ช่วยยกคิ้วเล็กน้อย
4. รอยยืนจมูก (Bunny Lines – Nose Bridge)
ยูนิต : 5-15 Unit
- รอยบนสะพานจมูก
- เป็นพื้นที่ที่ใช้ยูนิตน้อยที่สุด
5. ลดกรรมหน้า (Masseter – Jaw Slimming)
ยูนิต : 40-80 Unit
- กล้ามเนื้อบดเหนือซี่กรรม
- ช่วยลดความกว้างของใบหน้า
- เป็นพื้นที่ที่ใช้ยูนิตมากที่สุด
6. ริ้วรอยรอบปาก (Mouth Area)
ยูนิต : 20-30 Unit
- ลดรอยรอบ ๆ ปาก
- ช่วยป้องกันริ้วรอยจากการสูดบุหรี่
7. คอ (Neck)
ยูนิต : 20-30 Unit
- ลดเส้นคอและเพื่อฟื้นฟูสกินคอ
- ใช้สำหรับเอฟเฟกต์ยกคอ
8. ค้าง (Chin)
ยูนิต : 10-20 Unit
- ลดความมัดของกล้ามเนื้อหน้าเหนือคาง
- ช่วยสร้างรูปร่างใบหน้าที่นุ่มขึ้น
ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม ? เช็คข้อควรรู้ก่อนฉีด
ปัจจุบันนี้ โบท็อกซ์ (Botox) กลายเป็นวิธีการลดริ้วรอยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่สามารถเห็นได้ชัดเจน อีกทั้งไม่ต้องผ่าตัด ผู้หญิงและผู้ชายจำนวนมากจึงหันมาพิจารณาทำ Botox เพื่อให้ใบหน้าดูเด็กกว่า เรียบกว่า
อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม ? และ มีผลข้างเคียงไหม ? – นี่เป็นข้อสงสัยที่สมควรและเป็นธรรมชาติ เพราะเราต้องการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเอง
ความจริงคือ โบท็อกซ์ถือว่าเป็นวิธีการที่ มีความปลอดภัยสูง เมื่อทำตามหลักวิธี และได้รับการอนุมัติจาก FDA มาตั้งแต่ปี 2545 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญ การเตรียมตัวก่อนฉีด และการดูแลตัวเองหลังฉีด
อันตรายจากการฉีดโบท็อกปลอม
1. ตัวยาแพร่กระจายผิดทาง
- ยาไหลไปยังกล้ามเนื้ออื่น
- ผลลัพธ์ : ตาตก ปากเบี่ยว ใบหน้าอ่อนแรง
2. ความไม่บริสุทธิ์
- ตัวยาไม่บริสุทธิ์ เสี่ยงแพ้
- ปัญหาหนักถึง : ติดเชื้อ การอักเสบ
3. ผลลัพธ์ไม่ตามคาด
- ฉีดแล้วไม่เห็นผล
- หรือผลออกมาไม่เป็นไปตามต้องการ
วิธีเช็คโบท็อกปลอม
1. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์
สำหรับ Botox (Allergan) :
- มีกล่องสีเงินพร้อมโลโก้ Allergan และ AbbVie
- ขวดแก้วสีใส มีฝาปิดสีม่วง
- มีฉลากข้อมูลครบถ้วน ระบุ lot number และ expiration date
- มี hologram สติกเกอร์ป้องกันการปลอมแปลง
- ใน package มีเอกสารประกอบ (package insert)
สำหรับยี่ห้ออื่นๆ เช่น Dysport, Xeomin :
- แต่ละยี่ห้อมี packaging ที่เป็นเอกลักษณ์
- ตรวจสอบเว็บไซต์ทางการของผู้ผลิตเพื่อดูตัวอย่าง packaging ที่ถูกต้อง
2. ตรวจสอบแหล่งที่มาและการจัดเก็บ
- ยาโบท็อกต้องจัดเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8°C (ยกเว้น Xeomin ที่สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้)
- ต้องมีการบันทึกการรับและจัดเก็บอย่างเป็นระบบ
- คลินิกที่ถูกต้องควรสามารถแสดงเอกสารการสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตได้
3. ตรวจสอบข้อมูลบนฉลาก
ข้อมูลที่ควรมี :
- ชื่อยา และชื่อสามัญ (เช่น Botox – onabotulinumtoxinA)
- ความแรง (จำนวน units)
- Lot number
- วันผลิตและวันหมดอายุ
- ชื่อผู้ผลิต
- เลขทะเบียนยา
4. สังเกตลักษณะของยาหลังผสม
โบท็อกที่ถูกต้อง :
- ก่อนผสม : เป็นผงสีขาวแห้งในขวดแก้ว
- หลังผสมกับ normal saline : ใส ไม่มีตะกอน ไม่มีสี
- ถ้าพบสี มีตะกอน หรือขุ่น แสดงว่าอาจมีปัญหา
ฉีด Botox ยี่ห้อไหนดี? แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์หลายยี่ห้อที่ได้รับการรับรองและมีการใช้แพร่หลาย แต่ละยี่ห้อมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน
ยี่ห้อโบท็อกที่ได้รับการรับรองจาก FDA
1. Botox (OnabotulinumtoxinA) – Allergan/AbbVie
- ประวัติ: เป็นยี่ห้อแรกและมีชื่อเสียงมากที่สุด ได้รับอนุมัติจาก FDA ตั้งแต่ปี 1989
- ข้อดี:
- มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด
- ได้รับการอนุมัติใช้ในหลายรัฐแห่งทางการแพทย์และความงาม
- มีความแม่นยำในการกำหนดผล
- การแพร่กระจายน้อยถึงปานกลาง เหมาะกับการฉีดจุดเล็กๆ
- ระยะเวลา: 3-4 เดือน โดยเฉลี่ย 4.14 เดือน (17.99 สัปดาห์) ตามงานวิจัยในปี 2018
- เวลาเห็นผล: 4-7 วัน
- เหมาะกับ: บริเวณที่ต้องการความแม่นยำ เช่น รอยยิ้ม หน้าผาก ระหว่างคิ้ว
2. Dysport (AbobotulinumtoxinA) – Ipsen/Galderma
- ประวัติ: ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2009
- ข้อดี:
- แพร่กระจายมากกว่า Botox เหมาะกับพื้นที่กว้าง
- เห็นผลเร็วกว่า Botox
- ให้ผลที่ดูนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ
- ข้อควรระวัง:
- อาจมี albumin และ cow’s milk protein ผู้แพ้ควรเลี่ยง
- การแพร่กระจายมากอาจทำให้ต้องระมัดระวังในการฉีดใกล้ดวงตา
- ระยะเวลา: 3-4 เดือน โดยเฉลี่ย 3.87 เดือน (16.8 สัปดาห์)
- เวลาเห็นผล: 2-4 วัน
- เหมาะกับ: พื้นที่กว้างเช่นหน้าผาก หรือผู้ที่ต้องการผลเร็ว
- Conversion ratio: ใช้ประมาณ 2.5-3 เท่าของ Botox (1 unit Botox ≈ 2.5-3 units Dysport)
3. Xeomin (IncobotulinumtoxinA) – Merz Pharmaceuticals
- ประวัติ: ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2010
- ข้อดี:
- ไม่มี complexing proteins (“naked” toxin) ลดความเสี่ยงการเกิดภูมิต้านทาน
- ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น สะดวกในการจัดเก็บ
- เหมาะกับผู้ที่เคยมีปัญหา Botox resistance
- ลดความเสี่ยงการแพ้
- ระยะเวลา: 3-4 เดือน โดยเฉลี่ย 4.42 เดือน (19.2 สัปดาห์)
- เวลาเห็นผล: 3-7 วัน
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงการเกิดภูมิต้านทาน หรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
- Conversion ratio: 1:1 กับ Botox
4. Daxxify (DaxibotulinumtoxinA-lanm) – Revance Therapeutics
- ประวัติ: เป็นยี่ห้อใหม่ล่าสุด ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2022
- ข้อดี:
- อยู่ได้นานที่สุด
- สูตรพิเศษที่ช่วยให้ยึดเกาะกับเนื้อเยื่อได้ดีกว่า
- ระยะเวลา: 6-9 เดือน ยาวนานกว่ายี่ห้ออื่นประมาณ 2 เท่า
- เวลาเห็นผล: 1-2 วัน (เร็วที่สุด)
- ข้อจำกัด: ราคาอาจสูงกว่า และยังไม่มีการใช้แพร่หลายเท่ายี่ห้ออื่น
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการผลที่ยาวนาน ไม่อยากฉีดบ่อย
5. Jeuveau (PrabotulinumtoxinA-xvfs) – Evolus
- ประวัติ: ได้รับอนุมัติจาก FDA ในปี 2019 เรียกว่า “#NEWTOX”
- ข้อดี:
- ราคาอาจถูกกว่า Botox เล็กน้อย
- เห็นผลค่อนข้างเร็ว
- คุณภาพใกล้เคียง Botox
- ระยะเวลา: 3-4 เดือน คล้ายกับ Botox
- เวลาเห็นผล: 3-5 วัน
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น
6. ยี่ห้ออื่นๆ ที่มีในเอเชีย
- Nabota (เกาหลีใต้): นิยมใช้ในเกาหลีและเอเชีย
- Neuronox (เกาหลีใต้): เป็นที่นิยมในเกาหลีใต้
- Aestox (เกาหลีใต้): อีกหนึ่งตัวเลือกจากเกาหลี
โบท็อกซ์ ราคาแพงไหม ฉีดโบท็อก บุรีรัมย์ ราคาแต่ละจุดเท่าไหร่
รวมฉีดโบท็อก รีวิวผลลัพธ์จริง ก่อน–หลังทำ
รวมภาพจากลูกค้าที่ วันวานคลินิกความงามบุรีรัมย์ ที่ใช้บริการจริง ก่อน–หลังทำ โบท็อกซ์ ที่คลินิกความงามบุรีรัมย์ เราเข้าใจความกังวลเหล่านี้อย่างดี จึงเก็บรวบรวมข้อมูลที่สมบูรณ์เกี่ยวกับ Botox รวมถึง รีวิวผลลัพธ์จริงจากลูกค้าของเรา ด้วยรูปภาพก่อน-หลังที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ฉีดโบท็อก ต้องเตรียมตัวยังไง? หลังฉีดดูแลอย่างไร
การฉีดโบท็อกซ์เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันและปรับปรุงริ้วรอยที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีผลลัพธ์ที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามสูงสุด และลดความเสี่ยงจากปัญหาข้างเคียง การเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวอย่างถูกต้องหลังฉีดนั้นมีความสำคัญเท่ากับการเลือกแพทย์
ก่อนฉีดโบท็อกควรเตรียมตัวอย่างไร ?
- เลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ – ปรึกษาหารือและหารือผู้เชี่ยวชาญ
- ควรรับการให้คำปรึกษาที่ชี้แจงอย่างเพียงพอและวิธีดูแลเอยเอิง – ความพร้อมจากการเก็บข้อมูลและวิธีวิจัดแล้วเอิงหลังผ่าตัด
- ศึกษาข้อมูลอุมสเตียวกับวิธีการฉีดโบท็อกซ์ – ผลลัพธ์ที่คาดหวังและความเสี่ยงอื่นๆ
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ การสูมล่าความปลอดภัยและวิธีดูแลเอง – ปรึกษาหารือหรือหารือเพิ่มเติม
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ – วางแผนการใช้จ่ายทั้งหมดในการฉีดโบท็อกซ์
- ควรรับการให้คำปรึกษา และค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการท่อนคิดลั่ง – วางแผนการฉีดโบท็อกซ์อย่างเหมาะสม
วิธีการดูแลตัวเอง หลังการฉีดโบท็อกซ์
สิ่งที่ควรทำ
- ควรรับยาบ้าการกำจัดรวมเนื้อในบริเวณที่ฉีดคนที่ 1-2 ครั้ง – บำรุงรักษาอ่อนๆ ในบริเวณได้รับการฉีด
- ควรรักษาอาหารที่มี แรงชดสร้างสี – ดูแลให้ผิวสะอาดและมีน้ำมัน
สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง
- จดนอนราบ นอนคว่ำ และกำมหัวด้านข้างอ้าวอ 3 ชั่วโมง – หลีกเลี่ยงการนอนท่าต่างๆ
- หลีกเลี่ยงความร้อน และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง – หลีกเลี่ยงความร้อนและการบริหารกำลังกาย
- งดอาหารระดัดและอาหารหมักดอง – หลีกเลี่ยงการกระเทือนหรือระคายเคืองพื้นผิว
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ – หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และสุรา
หลังฉีดโบท็อก กี่วันเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ?
วันที่ 1-2: ช่วงเริ่มต้น
- ยังไม่เห็นผลการรักษา
- อาจมีรอยช้ำ บวมเล็กน้อย หรือความรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
- อาการเหล่านี้เป็นปกติและจะดีขึ้น
วันที่ 3-4: เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
- บางคนเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย
- Dysport และ Daxxify มักเริ่มเห็นผลในช่วงนี้
- ผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแอกว่าอาจเห็นผลเร็วกว่า
วันที่ 5-7: เห็นผลเริ่มชัดเจน
- Botox และ Xeomin มักเริ่มเห็นผลชัดในช่วงนี้
- ริ้วรอยเริ่มจางลง
- กล้ามเนื้อผ่อนคลายมากขึ้น
- สามารถเห็นความแตกต่างเมื่อแสดงอารมณ์
วันที่ 10-14: ผลเต็มที่ (Peak Effect)
- นี่คือจุดที่ควรนัดประเมินผลกับแพทย์
- ผลสมบูรณ์ที่สุด
- ริ้วรอยลดลงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- ถ้าต้องการปรับแต่งหรือเพิ่มยา ควรทำในจุดนี้
ฉีดโบท็อก คลินิกไหนดี ? เช็กอย่างไรให้ปลอดภัย
1. ตรวจสอบใบอนุญาต
ใบอนุญาตสถานพยาบาล
- คลินิกต้องมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
- แสดงอย่างเปิดเผยในที่เห็นได้ชัด
- ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข
2. ประเมินมาตรฐานของคลินิก
ความสะอาดและการจัดการสุขอนามัย
- สถานที่สะอาด เป็นระเบียบ
- มีระบบการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม
- ใช้อุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
- แพทย์และพยาบาลสวมถุงมือปลอดเชื้อ
3. บริการและการสื่อสาร
การให้คำปรึกษา
- มีการปรึกษาก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
- แพทย์ฟังความต้องการและตอบคำถามอย่างละเอียด
- ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและตรงไปตรงมา รวมถึงข้อจำกัดและความเสี่ยง
- ไม่ชักจูงหรือกดดันให้ทำมากกว่าที่จำเป็น
4. ชื่อเสียงและรีวิว
รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
- ค้นหารีวิวจากหลายแหล่ง
- ระวังรีวิวปลอม ควรดูรีวิวที่มีรายละเอียดและดูเป็นธรรมชาติ
- ให้ความสำคัญกับรีวิวที่พูดถึงความปลอดภัยและการบริการหลังการขาย
5. ตรวจสอบแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์
ความเป็นของแท้
- สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของยาได้
- มีเอกสารใบสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ระบบการเก็บรักษายาเป็นไปตามมาตรฐาน
ฉีดโบท็อก ที่ Onewan Clinic ดีอย่างไร ?
สำหรับคลินิกในพื้นที่บุรีรัมย์ Onewan Clinic เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรพิจารณา
จุดเด่นของ Onewan Clinic
1. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและโบท็อกที่มีประสบการณ์
- มีความรู้และทักษะในการฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- มีการอบรมและเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ
2. ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
- ใช้โบท็อกของแท้จากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองจาก FDA และ อย.
- มีหลายยี่ห้อให้เลือก เช่น Botox, Dysport, Neuronox เป็นต้น
- เก็บรักษายาตามมาตรฐาน มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม
3. มาตรฐานความปลอดภัย
- คลินิกได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
- ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
- ใช้อุปกรณ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
4. การบริการที่ครบวงจร
- มีการให้คำปรึกษาก่อนการรักษาอย่างละเอียด
- แพทย์ประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
- มีการติดตามผลและนัดตรวจหลังการรักษา
- พร้อมแก้ไขปัญหาหากเกิดข้อผิดพลาด
5. ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
- แสดงบรรจุภัณฑ์ของยาให้ลูกค้าตรวจสอบ
- ระบุจำนวน units และราคาอย่างชัดเจน
- ออกใบเสร็จและเอกสารการรักษาครบถ้วน
6. ราคาที่เหมาะสมและคุ้มค่า
- ราคาเป็นธรรม ไม่แพงเกินไป
- มีโปรโมชั่นพิเศษในบางช่วง
- คุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย
7. ทำเลที่สะดวก
- ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ สะดวกสำหรับผู้อยู่ในพื้นที่
- ไม่ต้องเดินทางไกลถึงกรุงเทพฯ
8. รีวิวจากลูกค้าจริง
- มีรีวิวเชิงบวกจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ
- ลูกค้าพอใจในผลลัพธ์และการบริการ
- มีลูกค้าประจำที่กลับมาใช้บริการซ้ำ
รีวิวฉีดโบท็อกจากผู้ใช้บริการจริงที่ Onewan Clinic
นอกจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินใจทำ Botox คือ ผลลัพธ์จริงจากคนที่เคยทำมาแล้ว และ ประสบการณ์ของเขา
ที่ Onewan Clinic บุรีรัมย์ เราภูมิใจที่ได้ให้บริการแก่ผู้ใช้บริการจำนวนมากที่มาจากทั่วจังหวัดบุรีรัมย์และพื้นที่ใกล้เคียง หลายคนได้ประสบการณ์ที่ดีและพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด Botox ของเรา
ยอดเยี่ยม อ้างอิงจาก 324 บทวิจารณ์ โพสต์บน นฤเนตร หาชัย2025-10-01Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google บริการดี คลินิกสะอาด คุณหมอมือเบามาก🥰🥰โพสต์บน กัญญารัตน์ กันรัมย 19ข2025-09-29Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google บริการดีมากค่ะหมอมือเบามากก😍😍😊โพสต์บน สัมฤทธิ์ ชุกชุม2025-09-29Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google หมอมือเบา ดีค่ะโพสต์บน นิตยา โอสถ2025-09-01Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google คุณหมอมือเบามากงับ พี่ๆพนักงานบริการดีมากงับ พูดเพราะด้วย ไว้รอบหน้าจะมาใช้บริการอย่างอื่นนะคะ แอร์เย็นฉ่ำ 🤣🫶โพสต์บน จันทร์จิรา ปัตตังทาเน2025-08-20Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google คุณหมอมือเบามากคะ♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️♥️โพสต์บน รัศมี สอนสัง2025-08-20Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google ดีมากค่ะโพสต์บน Teerada Pisaivinaichayakun2025-08-20Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google มีการบริการดีค่ะ พนักงานน่ารักดีค่ะโพสต์บน Sunita Chanpet2025-08-19Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google คุณกมอมือเบา ฉีดปากสวยมากค่ะ คลินิกสะอาด พี่ๆพนักงานไม่ยัดคอร์ส ประทับใจค่ะโพสต์บน เพชรลดา2025-08-15Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google บริการดีมากค่ะ ไม่เจ็บเลย เป็นกันเองสุดๆโพสต์บน Juthathip Omcharam2025-08-15Trustindex ตรวจสอบว่าแหล่งที่มาดั้งเดิมของรีวิวคือ Google คุณหมอมือเบามาก พี่ๆพนักงานน่ารักทุกคนเลยค่ะ💝
ฉีดโบท็อก ใช้เวลากี่วันกว่าจะเห็นผลชัด
สัปดาห์ที่ 1 (วันที่ 1-7)
- วันที่ 1-2: ยังไม่เห็นผล อาจมีรอยช้ำบวงเล็กน้อย
- วันที่ 3-4: บางคนเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง (โดยเฉพาะ Dysport, Daxxify)
- วันที่ 5-7: เริ่มเห็นผลชัดเจน กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ริ้วรอยเริ่มจาง
สัปดาห์ที่ 2 (วันที่ 8-14)
- วันที่ 10-14: ผลสมบูรณ์ที่สุด
- นี่คือจุดที่ควรนัดประเมินผลกับแพทย์
- ถ้าต้องการปรับแต่งควรทำในช่วงนี้
สัปดาห์ที่ 3-4 และต่อไป
- ผลคงอยู่และมั่นคง
- ริ้วรอยลดลงชัดเจน
- คุณชินกับลักษณะใหม่
เดือนที่ 3-4
- ยาเริ่มหมดฤทธิ์ค่อยๆ
- กล้ามเนื้อเริ่มทำงานได้มากขึ้น
- ถึงเวลาที่ควรฉีดซ้ำ
Q&A รวมคำถามโบท็อก
Q : ความแตกต่างระหว่าง Botox กับ Filler ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
A : Botox และ Filler เป็นวิธีการต่างกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองใช้ลดเลือนริ้วรอย :
Botox :
- ลดริ้วรอย แบบไดนามิก (ริ้วที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ)
- ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
- ผลใช้เวลา 3-7 วัน
- ใช้เวลา 3-4 เดือน
Filler :
- เติมปริมาณที่หายไป (เช่น จากการสูญเสียคอลลาเจน)
- ลดริ้วรอย “แบบสแตติก” (ริ้วที่มีอยู่แม้ว่าใบหน้าอยู่นิ่ง)
- ผลทันทีหรือภายในสองสามวัน
- ใช้เวลา 6-12 เดือน
- มีส่วนประกอบหลัก คือ Hyaluronic acid หรือสารอื่น
บางครั้งแพทย์อาจใช้ทั้งสองวิธีรวมกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Q : ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนทำ Botox และหลังทำต้องดูแลอย่างไร ?
A : การเตรียมตัวและดูแลหลังการทำมีความสำคัญต่อผลลัพธ์:
ก่อนทำ (7-14 วันก่อน) :
- หลีกเลี่ยงยา Aspirin, Ibuprofen, วิตามิน E, Ginseng (อาจทำให้บวมมากขึ้น)
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อน (อาจทำให้บวมและท้องถึง)
- นอนหลับให้เพียงพอ
- ล้างหน้าและนึ่งใบหน้าอบอุ่นเพื่อให้ผิวผ่อนคลาย
หลังทำ (24-48 ชั่วโมง) :
- ไม่นวดหรือกด บริเวณฉีด (เพราะอาจทำให้สารเคลื่อนไปบริเวณอื่น)
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหรือบีบใบหน้า
- ไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเคลื่อนไหวมาก
- ไม่ควรหมวกหรือผ้าที่ขึ้นแน่นบริเวณหน้าผาก
- หลีกเลี่ยงสนามแดด (ควรใส่ครีมกันแดด SPF 30+)
Q : โบท็อกซ์ลดริ้วรอยได้จริงไหม ? ใช้เวลานานแค่ไหน ?
A : ใช่ได้จริง Botox มีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอยแบบไดนามิก (Dynamic wrinkles) ซึ่งเป็นริ้วที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น ริ้วลม ริ้วตรงหน้าผาก ริ้วมุมตา เนื้อที่พบว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดคือบริเวณหน้าผากและตรงระหว่างคิ้ว
ผลลัพธ์จะปรากฏภายในวัน 3-7 วัน แต่ผลสูงสุดจะเห็นได้ที่วันที่ 14 ผลจะคงอยู่เป็นระยะเวลา 3-4 เดือน หลังจากนั้นกล้ามเนื้อจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ต้องทำซ้ำหลังจากครบ 3-4 เดือน
Q : Botox เหมาะสำหรับกี่อายุ? ใครไม่ควรทำ ?
A : ทั่วไปแล้ว Botox มักใช้กับผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป เมื่อเริ่มมีริ้วรอยจากการขยับกล้ามเนื้อใบหน้า บางคนอาจเริ่มใช้ตั้งแต่อายุ 20 ปีสำหรับการป้องกัน (Preventive botox)
ผู้ที่ไม่ควรทำ Botox :
- สตรีมีครรภ์ หรือให้นม
- ผู้ที่มีภูมิแพ้ต่อสารใด ๆ ในสูตร
- ผู้ที่มีโรคข้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (เช่น Myasthenia gravis)
- ผู้ที่เป็นโรคเลือด หรือใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด
Q : ฉีดโบท็อกมากกว่า 1 บริเวณพร้อมกันได้ไหม ?
A : ได้ และเป็นสิ่งที่แนะนำเพื่อผลลัพธ์ที่ลงตัว
ข้อดีของการฉีดหลายบริเวณพร้อมกัน :
- ประหยัดเวลา : ไม่ต้องมาหลายครั้ง
- ผลลัพธ์กลมกลืนกัน : ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุล
- ประหยัดค่าใช้จ่าย : บางคลินิกมีแพคเกจพิเศษ
บริเวณที่นิยมฉีดพร้อมกัน:
- หน้าผาก + ระหว่างคิ้ว
- รอยยิ้ม + ยกหางตา
- กราม + มุมปาก
เอกสารอ้างอิง
- U.S. Food and Drug Administration (FDA)
- FDA Botox Approval and Safety Information
- FDA Safety Communications on Botulinum Toxin Products
- FDA Warning on Counterfeit Botulinum Toxin
- https://www.fda.gov
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
- Health Alert Network (HAN) Report on Counterfeit Botox (2024)
- Botulism Surveillance and Information
- https://www.cdc.gov
- Dressler D, Bigalke H. “Botulinum toxin type B de novo therapy of cervical dystonia: frequency of antibody-induced therapy failure.” Journal of Neurology. 2005;252(8):904-907.
- Rystedt A, Swartling C, Backlund P, Naver H. “Intradermal injection of botulinum toxin for axillary hyperhidrosis: a randomised, placebo-controlled, dose-escalation study.” Acta Dermato-Venereologica. 2008;88(5):462-469.
- Shome D, Kapoor R, Nair AG, Khare S. “Conversion ratio between onabotulinumtoxinA (Botox), abobotulinumtoxinA (Dysport), and incobotulinumtoxinA (Xeomin) in clinical practice.” Journal of Skin and Aesthetic Surgery. 2016;9(3):132-141.